วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

แบบฝึกการควบคุมบอล


ในการเล่นวอลเลย์บอล การควบคุมบอลให้ได้ทิศทางตามที่เราต้องการเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เป็นทักษะพื้นฐานของการป้องกัน รวมไปจนถึงการรุก หากเราควบคุมบอลได้ดี เราก็สามารถสร้างสรรค์เกมส์รุกได้หลากหลายรูปแบบการควบคุมบอลแนวตรง Straight Lineจุดประสงค์ - ฝึกการควบคุมบอลในแนวตรงการเตรียมฝึก1. แบ่งผู้เล่นออกเป็น 4 กลุ่มๆ ละ 3 คน แบ่งทั้ง 4 กลุ่มเป็น 2 ข้างๆ ละ 2 กลุ่ม2. ผู้เล่นคนที่ 1 ของแต่ละกลุ่มอยู่บริเวณหน้า....

รูปแบบแผนการรุก


รูปแบบการรุกที่นำเสนอในตอนนี้ต่อเนื่องจากตอนที่ 1 โดยยังเป็นการรุกโดยมีผู้เล่นตัวรุกอยู่แดนหน้า 2 คน ความแตกต่างของรูปแบบการรุกในตอนนี้จะมีความซับซ้อนมากกว่าโดยจะเป็นการรุกแบบผสมผสาน (Combination) ระหว่างผู้เล่นตัวรุกทั้ง 2 คนและผู้เล่นตัวเซต โดยการรุกลักษณะนี้จะเป็นการรุกในตำแหน่งเดียวกันหรือใกล้กัน โดยในภาษาวอลเลย์บอลเราเรียกกันว่าบอลทับหรือบอลแทรกตัวอย่างรูแบบแผนการรุกการรุกแบบผสมผสาน (Combination....

ความสำคัญของบอลเร็วแต่ละระดับ

เดิมทีผมจะเริ่มเขียนเรื่องตำแหน่งผู้เล่นตบหัวเสาแต่ยังมีบางอย่างเล็กน้อยในส่วนของผู้เล่นตบบอลเร็วที่อยากจะเพิ่มเติมจึงได้ยืดเรื่องบอลเร็วออกมาอีกหนึ่งตอน
ในการแข่งขันวอลเลย์บอลระดับสูง ตำแหน่งผู้เล่นบอลเร็วมีส่วนสำคัญอย่างมากที่จะทำให้ทีมประสบความสำเร็จใจกลยุทธ์การรุก ในระดับนี้หากไม่มีบอลเร็ว โอกาสที่จะประสบความสำเร็จเป็นไปได้ยาก หากเราดูการแข่งขันในระดับนานาชาติทีมชั้นนำของเอเซียหรือระดับโลกในประเภททีมชาย แม้ว่ามักจะไม่ค่อยใช้ผู้เร็วทำการรุกมากนักแต่ก็เป็นตัวที่สร้างความกังวลให้ ตัวสกัดกั้น (Middle blocker) เพราะหากละความสนใจจากบอลเร็วอาจจะถูกโจมตีด้วยบอลเร็วและการแข่งขันในระดับนี้ตัวเซตมีความสามารถสูง สามารถสร้างยุทธวิธีการรุกจากจุดอ่อนในแนวสกัดกั้นของคู่ต่อสู้ได้
ส่วนในระดับกลางผู้เล่นบอลเร็วก็ยังสำคัญ แต่เรายังมักเห็นข้อผิดพลาดจากการเล่นบอลเร็วในระดับนี้อยู่มาก เนื่องจากการเล่นบอลเร็วเป็นส่วนผสมของความสัมพันธ์ระหว่าง การรับบอลเสริฟ การเซต และการตบ ผู้ฝึกสอนหากต้องการพัฒนาการรุกโจมตีด้วยบอลเร็ว จะต้องฝึกซ้อมพัฒนาความสัมพันธ์ทั้ง 3 ส่วนนี้ การรับลูกเสริฟต้องดี ตัวเซตเซตบอลได้ดี และผู้เล่นบอลเร็วตบบอลได้เด็ดขาด
และสุดท้ายในการแข่งขันวอลเลย์บอลระดับพื้นฐาน/เริ่มต้น การโจมตีด้วยบอลเร็วไม่ใช่สิ่งสำคัญเพราะทักษะและเทคนิคของผู้เล่นยังไม่มากพอ โดยส่วนใหญ่ในระดับนี้ผู้เล่นตัวกลางหน้ามักจะทำการรุกด้วยบอล B (สูงเหนือตาข่าย 1-2 เมตร)
สิ่งที่พึงระวังสำหรับผู้ฝึกสอนในแต่ละระดับคือ โดยส่วนใหญ่ผู้ฝึกสอนมักจะเลียนแบบการเล่น เทคนิคต่างๆจากทีมในระดับที่สูงกว่า โดยไม่ได้ทำการวิเคราะห์ทักษะความสามารถ ความเป็นไปได้ในการปฏิบัติของนักกีฬา ซึ่งอาจทำให้เกิดผลเสียแก่ทีมมากกว่า ผู้ฝึสอนจำเป็นต้องประเมินว่าในการแข่งขันแต่ละเกมส์ ระดับการเล่นของคู่แข่ง และของทีมมีเพียงใด จะใช้ผู้เล่นบอลเร็วเป็นตัวหลักในการรุกหรือเป็นเพียงตัวหลอก ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ข้อมูลคู่แข่งขัน อย่าลืมว่า " ความสำเร็จในการเล่นของผู้เล่นตำแหน่งตบบอลเร็ว ไม่ได้เกิดจากการตบบอลอย่างเดียว แต่ยังเกิดจากการที่สามารถดึงความสนใจของตัวสกัดกั้นตัวกลางโดยทำให้ไม่สามารถไปสกัดกั้นการรุกจากตำแหน่งอื่นได้"

แนวคิดของผู้เล่นบอลเร็ว

การเล่นวอลเลย์บอลในตำแหน่งตบบอลเร็วนั้นเคยได้กล่าวไว้บ้างแล้วในเรื่องของแนวความคิด นอกจากการมีจิตใตเป็นนักสู้ มีทัศนคติที่ดีต่อทีม มุ่งประโยชน์ที่เกิดแก่ทีมมากกว่าตนเอง นอกจากนี้ยังต้องมีแนวคิดด้านอื่นอีกดังนี้
- ต้องสามารถปรับเปลี่ยนลักษณะการรุกให้ได้ตามคุณภาพของการรับบอลแรก สามารถปรับกลยุทธ์การตบได้ แม้ว่าบอลลูกแรกจะไปยังตัวเซตด้วยลักษณะใดก็ตาม และสามารถปรับจังหวะการเล่นให้เข้ากับตัวเซตได้ดี
- ต้องทำการรุกได้อย่างเด็ดขาดสำเร็จผลเมื่อมีตัวสกัดกั้นเพียงคนเดียว โดยอย่างน้อยต้องมากกว่า 50% ของการรุกที่มีการสกัดกั้นเพียงคนเดียว
- สามารถทำให้ตัวสกัดกั้นกระโดดเพื่อสกัดกั้นได้ แม้ว่าจะเป็นการกระโดดโดยไม่ได้ทำการรุก
- ควรวิเคราะห์ สังเกตุตัวสกัดกั้นฝ่ายตรงข้ามว่ากลยุทธการสกัดกั้นเป็นอย่างไร การกระโดดของตัวสกัดกั้นนั้นจริงหรือหลอก และบอกกับตัวเซตเพื่อให้ตัวเซตปรับเปลี่ยนกลยุทธ์
- ควรมีความหลากหลายในการรุก เพื่อไม่ให้คู่ต่อสู้จับทางการเล่นได้
- จะต้องสังเกตุแนวรับของคู่ต่อสู้ โดยเฉพาะในตำแหน่งที่ 1 และ 5 เพื่อตบหรือหยอดไปยังบริเวณที่แนวรับไม่สามารถรับได้
- ต้องมีความเข้าใจกับตัวเซตในการรุกแม้ว่าจะไม่มีการนัดแนะกันมาก่อน
- ผู้เล่นบอลเร็วต้องมีความรู้สึกว่าความสำเร็จในการรุกของเพื่อนร่วมทีม เมื่อมีคู่ต่อสู้สกัดกั้นเพียงคนเดียวนั้น เป็นความสำเร็จของผู้เล่นบอลเร็วด้วย
- จะต้องมีจิตใจนักสู้ ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ (ลักษณะเช่นนี้ควรจะมีในทุกๆ ตำแหน่ง)
- สามารถรับลูกเสริฟที่มายังบริเวณพื้นที่ที่ผู้เล่นบอลเร็วอยู่บริเวณหน้าตาข่ายและสามารถทำการรุกได้ทันที
การฝึกเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง การรับเสริฟ การเซต และผู้เล่นบอลเร็ว ทั้งหมดจะต้องเป็นส่วนหนึ่งในการฝึกซ้อม โดยเฉพาะในช่วงก่อนการแข่งขัน (Pre season) และช่วงการแข่งขัน (Season Phase) เสมอ
หากท่านใดสนใจแลกเปลี่ยนความคิดเห็นขอเชิญได้ครับ

ทักษะส่วนบุคคลพื้นฐานในการเล่นวอลเลย์บอล

ทักษะพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการเล่นวอลเลย์บอลอีกประเภทหนึ่งคือ การส่งบอลและการเซต (Pass and set) ซึ่งการส่งบอลเป็นวิธีการหนึ่งที่จะทำให้ลูกบอลไปสู่เป้าหมายโดยมีวิธีการหลายแบบ เช่น การส่งบอลด้วยมือล่าง การส่งบอลด้วยมือบน การส่งบอลด้วยมือเดียว การเซตก็ถือว่าเป็นการส่งบอลด้วยมือบนด้วยเช่นกัน

ข้อแนะนำในการส่งลูกด้วยมือบน
การส่งลูกด้วยมือบนวิธีการเล่นพื้นฐานที่ใช้สำหรับเล่นบอลเหนือศีรษะ ผู้เล่นต้องเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วเข้าไปเล่นบอลโดยหันหน้าไปยังทิศทางที่ต้องการส่งบอลไป สัมผัสบอลด้วยด้านในของนิ้วมือโดยใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วก้อยประคองลูกบอล ข้อมือและศอกงอ จากนั้นส่งบอลขึ้นไปด้านบนด้วยการดีดนิ้ว ส่งข้อมือ ยืดข้อศอก เอว หัวเข่า และข้อเท้า (ดูภาพประกอบ)

ข้อแนะนำการส่งลูกด้วยมือล่าง (Underhand pass)
ท่าทางการส่งลูกด้วยมือล่างเหยียดแขนและข้อมือ โดยแขนทำมุมกับลำตัว การเล่นลูกมือล่างควรเคลื่อนที่ไปเล่นบอลโดยให้ลูกบอลอยู่ด้านหน้าลำตัว การบังคับทิศทางของลูกบอลจะใช้หลักการของมุมตกและมุมสะท้อนของแขนที่ส่งบอล (ดูภาพประกอบ)
ภาพที่ 1 ลักษณะของบอลจะลอยขึ้นด้านบน ภาพที่ 2 ลักษณะของบอลจะลอยไปด้านหน้า



ข้อแนะนำในการเซต (Setting)
การเซตเป็นวิธีการส่งลูกด้วยมือบนชนิดหนึ่งวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งของการเซตคือ การส่งบอลให้ตัวรุกทำการตบบอล ในการเซตให้ตัวรุกตบบอล บอลควรห่างตาข่ายประมาณ 1-3 ฟุต และมีความสูงเหนือตาข่ายพอสมควรตามลักษณะของการรุกเช่น บอลเร็ว บอลโค้งหัวเสาหน้าและหลังเป็นต้น เทคนิคขั้นสูงในการเซตคือการเซตบอลไปยังตำแหน่งที่คู่ต่อสู้ไม่พร้อมสำหรับการป้องกัน หรือการเซตที่ทำให้คู่ต่อสู้ไม่สามารถคาดเดาทิศทางของบอลได้
ลักษณะท่าทางพื้นฐานของการเซตคือ เงยหน้าเล็กน้อยโดยเฉพาะเมื่อตัวต่ำ ในการกระโดดเซตผู้เล่นต้องสัมผัสบอลเหนือศีรษะขณะที่ลำตัวลอยอยู่จุดสูงสุดในอากาศ และทิศทางของลูกบอลต้องอยู่ในทิศทางและระดับที่ตัวตบต้องการ (ภาพประกอบ)





ข้อแนะนำ
การเซตบอลจากบริเวณใดก็ตามควรเซตบอลให้ใกล้เป้าหมายที่ต้องการที่สุด
เมื่อบอลลอยมาต่ำหน้าตาข่าย การเซตต้องทำให้สามารถเล่นบอลลูกนั้นได้ดีขึ้น
เมื่อบอลที่ลอยมามีความสูงเพียงพอ การเซตสามารถเซตได้ทั้งจากตำแหน่ง A และ B (ดูภาพประกอบ)




การเซตต้องสามารถให้ตัวตบสามารถปรับจังหวะเวลาในการเข้าตบบอลได้
เราสามารถประเมินคุณภาพการเซตนั้นได้จากกรณีต่อไปนี้
การเซตบอลลอยเหนือตาข่ายเป้าหมายอยู่ที่ตัวตบ
ความสามารถในการปรับจังหวะการเซตให้เข้ากับตัวตบ
ความสามารถในการเซตไปยังทิศทางที่ไม่มีการสกัดกั้น
ความสามารถในการตัดสินใจหรือรู้ว่าบริเวณใดมีการสกัดกั้นที่ดีหรือไม่ดี
ความสามารถในการประเมินสถานการณ์การเล่น ผู้เล่นตัวเซตที่ดีจะต้องรู้ว่าจะเซตบอลไปที่ไหน เวลาไหน อย่างไร ที่จะทำให้การรุกเกิดประสิทธิภาพที่สุด

เบื้องหลังความสำเร็จของวอลเลย์บอลไทย

การได้แชมป์เอเซียครั้งนี้ของทีมวอลเลย์บอลหญิงของไทยเป็นกระแสที่แรงมากครับตอนนี้ ผมลองตามไปดูในพันธุ์ทิพย์ มีผู้ตั้งกระทู้แสดงความเห็นกันมากมาย น่าชื่นใจจริง ๆ ครับ ผมติดตามข่าวกีฬาทุกประเภทของไทย ยินดีกับความสำเร็จของทุกประเภทกีฬา เห็นความเปลี่ยนแปลงมาก็มากมาย เคยอิจฉาวงการฟุตบอลไทยที่การแข่งขันไทยแลนด์พรีเมืยร์ลีกพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในแง่ของผู้ชม ชื่นชมกับความสำเร็จของชลบุรีเอฟซีในแง่ของความเป็นผู้นำกระแสไทยลีกให้บูมได้ เห็นด้วยกับคำที่ว่าชลบุรีเอฟซี คือต้นแบบของการปลุกกระแสบอลไทย แต่มาวันนี้ไม่ต้องรอนานก็ได้เห็นความสำเร็จของวงการวอลเลย์บอลไทย
ความสำเร็จของทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยในครั้งนี้ได้พิสูจน์อะไรหลาย ๆ อย่างให้วงการกีฬาไทยได้เห็นว่า กีฬาประเภททีมก็ประสบความสำเร็จได้เช่นกัน เรามักได้ยินเสมอๆ ว่ากีฬาประเภททีมของไทยยากนักที่จะประสบความสำเร็จในระดับเอเซียหรือระดับโลก แต่บัดนี้วอลเลย์บอลหญิงไทยได้พิสูจน์แล้วว่าคำกล่าวนั้นไม่เป็นความจริงเลย หากผู้รับผิดชอบร่วมแรงร่วมใจมุ่งมั่นทำงานกันอย่างจริงจัง นอกจากวอลเลย์บอลแล้วยังมีทีมกีฬาอีกประเภทหนึ่งที่น่าศึกษาคือทีมฟุตซอลชายทีมชาติไทย ที่นำโดยบิ๊กป๋อม อดิศักดิ์ เบญจศิริวรรณ ประธานพัฒนาฟุตซอลไทย ที่ทุ่มเทจนทำให้ทีมฟุตซอลชายไทยก้าวไปอยู่แนวหน้าของเอเซียและของโลก
ความสำเร็จของสมาคมวอลเลย์บอลไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ แต่เป็นความร่วมมือร่วมใจของคนวอลเลย์บอลอย่างแท้จริง ทั้งส่วนของผู้บริหาร ผู้สนับสนุน และผู้ปฎิบัติงานต่างๆ ซึ่งเป็นที่ชื่นชมและทราบกันดีในวงการกีฬาอยู่แล้ว เชื่อว่าหากกีฬาประเภททีมอื่นๆ จะลองเอาโมเดลความสำเร็จไปทดลองใช้อาจจะส่งผลดีต่อวงการกีฬาโดยรวมของบ้านเราก็เป็นได้
ความสำเร็จของสมาคมวอลเลย์บอล หากวิเคราะห์ให้ดีจะเห็นว่ามีส่วนสำคัญ 4 ส่วนที่น่าสนใจคือ
1. มีแผนพัฒนาที่ชัดเจน2. มีผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์และความเสียสละ3. มีผู้สนับสนุน (Sponser) ที่ให้ความไว้วางใจสมาคมฯ4. บุคลากรในวงการวอลเลย์บอลไม่มีความแตกแยก
แผนพัฒนาที่ชัดเจน สมาคมวอลเลย์บอลมีแผนพัฒนาที่ชัดเจนและต่อเนื่องมายาวนาน แผนที่สำคัญคือการจัดให้มีกาแข่งขันในทุกช่วงระดับอายุโดยมีผู้สนับสนุนหลัก ๆ ให้การสนับสนุนการแข่งขัน ได้แก่ รุ่นอายุ 12 14 16 และ 19 ปี จนกระทั่งถึงระดับประชาชนและระดับอาชีพ (ไทยแลนด์วอลเลย์บอลลีก) ซึ่งการที่จัดให้มีการแข่งขันในทุกระดับทำให้นักกีฬาวอลเลย์บอลมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีแผนการพัฒนาทีมชาติไทยอย่างต่อเนื่อง (ซึ่งโค้ชอ๊อดริเริ่มไว้เมื่อหลายปีมาแล้ว) รวมทั้งการพยายามผลักดันของผู้บริหารสมาคมฯที่ทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์ฝึกวอลเลย์บอลแห่งหนึ่งของสหพันธุ์วอลเลย์บอลนานาชาติในทวีปเอเซีย อันส่งผลให้ประโยชน์ตกอยู่กับวงการวอลเลย์บอลไทย
ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์และความเสียสละ ประเพณีอย่างหนึ่งของสมาคมวอลเลย์บอลคือผู้ที่จะเป็นนายกสมาคมฯ จะเชิญปลัดกระทรวงมหาดไทยเข้ามารับตำแหน่ง โดยไม่สนใจนักการเมืองหรือนักธุรกิจ ซึ่งถือว่าเป็นวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของผู้บริหารสมาคมฯ เมื่อสมาคมฯ มีกิจกรรมการแข่งขันในต่างจังหวัด ก็มักจะได้รับการอำนวยความสะดวกจากผู้ใหญ่ในจังหวัดซึ่งอาจจะไม่ใช่ในด้านของตังเงิน แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้สมาคมฯ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญคือผู้บริหารสมาคมฯ จะทำหน้าที่ในการบริหารโดยไม่ได้ลงมาก้าวก่ายการทำงานของผู้ปฎิบัติหรือในส่วนอื่นๆ ทำให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผู้สนับสนุน หากเปรัยบเป็นคนสมาคมวอลเลย์บอลอาจจะเหมือน คนถ่อมตัวไม่ค่อยมีปากมีเสียงอยู่อย่างพอเพียงจริง ๆ ไม่ค่อยเรียกร้องอะไรมากนักซึ่งส่วนนี้เองทำให้ผู้สนับสนุนที่มีอยู่จึงเป็นผู้สนับสนุนที่ต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน เกิดจากความไว้เนื้อเชื่อใจเห็นความตั้งใจจริงของสมาคมฯ ที่มีการทำงานเพื่อพัฒนาวงการอย่างจริงจัง จึงถือว่าผู้สนับสนุนเหล่านั้นเป็นกำลังสำคัญเช่นกัน
บุคลากรในวงการวอลเลย์บอล ในวงการวอลเลย์บอลโดยส่วนใหญ่จะอยู่กันอย่างพี่น้อง ไม่ค่อยจะมีปัญหาใหญ่ๆ ที่สร้างความเสื่อมเสียให้กับวงการ หลายคนก้าวเข้ามาเพราะใจรักในกีฬาวอลเลย์บอล ไม่ได้มุ่งหาผลประโยชน์ (เพราะแทบจะไม่มีผลประโยชน์) ผู้ฝึกสอนก็ทำหน้าที่สร้างนักกีฬาขึ้นมาโดยการสนับสนุนของสถานศึกษา ท้องถิ่น หรือสโมสร ผลิตนักกีฬาป้อนวงการ
ส่วนที่สำคัญที่ทำให้ภาพของวงการวอลเลย์บอลไทยได้รับการยอมรับจากวงการกีฬาก็ด้วยสาเหตุว่า การทำหน้าที่ของตนเองด้วยความเสียสละโดยไม่ก้าวก่ายกัน ไม่เกิดปัญหาความขัดแย้งภายใน ต่างทำหน้าที่ของตนเองทำให้วงการวอลเลย์บอลก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ และหวังว่าความสำเร็จในครั้งนี้ คงจะเป็นแรงขับที่ทำให้คนในวงการช่วยกันพัฒนาวอลเลย์บอลไทยให้ก้าวหน้าต่อไป
ปัจจัยประการสุดท้ายที่ไม่อาจลืมได้คือแรงสนับสนุนจากแฟนๆ กีฬาวอลเลย์บอลไทย ซึ่งนับวันจะมีมากยิ่งขึ้นและมีความเหนียวแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ แรงสนับสนุนนี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คนในวงการวอลเลย์บอลไม่อาจหยุดนิ่งได้ ต้องพยายามพัฒนาวงการให้ดีมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างรอยยิ้มและความสุขให้แฟนๆ วอลเลย์บอลและคนไทย ในฐานะที่เป็นเจ้าของเงินภาษีที่นำมาพัฒนาวงการให้เจริญก้าวหน้า และเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในเรื่องของกีฬาวอลเลย์บอล

มารยาทในการเป็นผู้ดูที่ดี



1. ปรบมือแสดงความยินดีต่อผู้แข่งขัน

2. ให้กำลังใจกับคู่แข่งขันทั้งสองฝ่าย

3. รู้แพ้ รู้ชนะ เมื่อทีมตนเองที่เชียร์แพ้ก็ไม่ควรเสียใจมากเกินไป

4. ไม่กล่าววาจาหรือแสดงกิริยาเย้ยหยันผู้แข่งขันและเจ้าหน้าที่ด้วยประการทั้งปวง

5. ไม่บังควรกล่าววาจาสนับสนุนผู้เล่นในทางที่ผิด

6. ไม่รบกวนผู้เล่นหรือกรรมการผู้ตัดสิน

7. ไม่ยุแหย่ให้เกิดความแตกแยกในระหว่างผู้เล่นหรือผู้เล่นกับผู้ดู

8. ยอมรับคำตัดสินของกรรมการไม่โต้แย้งหรือต่อต้าน

มารยาทในการเป็นผู้เล่นที่ดี



1. มีความโอบอ้อมอารีต่อเพื่อนร่วมทีม

2. มีความสำนึกในหน้าที่ของนักกีฬา

3. เป็นผู้รู้จักแพ้ รู้ชนะ รู้อภัย

4. เป็นผู้ที่ยอมรับในฝีมือของเพื่อนร่วมทีม

5. เชื่อฟังคำสั่งสอนและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

6. รู้ เข้าใจและปฏิบัติตามกติกาอย่างแท้จริง

7. เชื่อฟังคำตัดสินของกรรมการ

8. ไม่แสดงกริยาวาจาที่ไม่สุภาพต่อผู้ตัดสิน

9. ไม่เป็นผู้ที่มีอคติต่อผู้อื่น ไม่ว่าใครก็ตาม

10. เป็นผู้ที่เสียสละ เปิดโอกาสให้คนอื่นแสดงความสามารถในโอกาสอันควร

11. มีความอดกลั้น อดทน สามารถระงับอารมณ์ได้เป็นอย่างดี

12. ให้เกียรติเพื่อนร่วมทีมและคู่แข่งขัน

ประโยชน์ของการเล่นวอลเลย์บอล



๑. วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่ฝึกหัดเล่นให้เป็นได้ง่ายและเล่นได้ทุกเพศทุกวัย เมื่อเล่นวอลเลย์บอลเป็นแล้ว จะทำให้ผู้เล่นสามารถเล่นกีฬาได้นานกว่ากีฬาบางประเภท ซึ่งคุ้มกับที่ได้ฝึกฝนมาแม้แต่สตรีที่มีบุตรแล้วหากมีร่างกายแข็งแรงก็สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้เป็นอย่างดี
๒. วอลเลย์บอลเป็นกีฬาประเภททีม จึงต้องมีการฝึกซ้อมเพื่อให้การเล่นในทีมมีความสัมพันธ์และรักใคร่ปรองดอง เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หากทีมใดขาดความสามัคคีแล้ว เมื่อลงแข่งขันย่อมจะมีชัยชนะได้ยาก ผลของการเล่นกีฬาประเภทนี้จึงสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ให้มีนิสัยรักใคร่สามัคคีกันระหว่างหมู่คณะมากยิ่งขึ้น
๓. วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่ช่วยฝึกฝนให้ผู้เล่นมีไหวพริบที่ชาญฉลาดและแก้ปัญหา อย่างฉับพลันทันที เพราะการเล่นวอลเลย์บอลนั้นผู้เล่นจะต้องเคลื่อนไหวร่างกายอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งต้องมีไหวพริบที่ดีสามารถตัดสินใจและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต่าง ๆ ได้จึงจะทำให้มีชัยชนะในการเล่น
๔. การเล่นวอลเลย์บอลเป็นการส่งเสริมและฝึกให้ผู้เล่นมีจิตใจเยือกเย็น สุขุม รอบคอบ อารมณ์มั่นคง มีสมาธิดี มีความเชื่อมั่นในตัวเอง เพราะผู้เล่นที่อารมณ์ร้อน มุทะลุ ดุดัน เอาแต่ใจตนเอง จะทำให้การเล่นผิดพลาดบ่อย ๆ ถ้าเป็นการแข่งขันก็จะแพ้ฝ่ายตรงข้ามได้ง่าย ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ล้วนแต่มีประโยชน์ต่อตัวผู้เล่นวอลเลย์บอลที่จะนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันให้เกิด ประโยชน์ต่อตนเองและสังคมอีกด้วย
๕. วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่เล่นได้โดยไม่จำกัดเวลา ถ้าหากผู้เล่นรู้จักการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ซึ่งอาจจะเล่นตอนเช้า สาย บ่าย เย็นหรือแม้แต่ในเวลากลางคืนก็ได้ถ้ามีแสงสว่างเพียงพอ และเล่นได้ทั้งในที่ร่มหรือกลางแจ้ง
๖. การเล่นวอลเลย์บอล ผู้เล่นต่างก็อยู่ในแดนของตนเองและมีตาข่ายขึงกั้นกลางสนาม ทำให้ไม่มีโอกาสที่จะปะทะกันระหว่างผู้เล่นทั้งสองฝ่าย จึงไม่ก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้น
๗. วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่ช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพของผู้เล่นอย่างหนึ่ง เพราะผู้เล่นจะต้องถูกฝึกให้มีระเบียบมีวินัย มีเหตุมีผล รู้จักการเป็นผู้นำผู้ตาม และมีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นการปลูกฝังนิสัยอันมีผลที่จะนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ด้วย
๘. วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่มีกฎกติกา ผู้เล่นต้องเคารพและปฏิบัติตามกฎกติกาการเล่น ดังนั้นการเล่นวอลเลย์บอลย่อมช่วยสอนให้ผู้เล่นรู้จักความยุติธรรม มีความอดทนอดกลั้น รู้จักเคารพสิทธิของผู้อื่น
๙. วอลเลย์บอลเป็นกีฬาประเภทหนึ่ง ที่ช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางด้านร่างกายให้มีความสมบูรณ์ แข็งแรง เพราะผู้เล่นจะต้องฝึกให้ร่างกายแข็งแรง มีความอดทน มีความคล่องแคล่วว่องไว มีพลังและความเร็ว เมื่อร่างกายได้ออกกำลังกายแล้วยังช่วยให้ระบบต่างๆ ภายในร่างกายได้ทำงานประสานสัมพันธ์กันเป็นอย่างดีและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เมื่อร่างกายแข็งแรงก็จะช่วยเพิ่มความสามารถของร่างกายให้มีความต้านทานได้ดีด้วย
๑๐. กีฬาวอลเลย์บอลเหมือนกับกีฬาประเภทอื่น ๆ ที่สร้างความมีน้ำใจนักกีฬา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การรู้จักแพ้ชนะและอภัย นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องมือในการเป็นสื่อกลางก่อให้เกิดความสนิทสนมคุ้นเคยและมีสัมพันธ์ไมตรีอันดีต่อกัน ทั้งระหว่างภายในประเทศและระหว่างประเทศได้อย่างดี
๑๑. ปัจจุบันผู้เล่นวอลเลย์บอลที่มีความสามารถสูง ยังมีสิทธิ์ได้เข้ามาศึกษาต่อในระดับสูงบางสาขา บางสถาบัน ทั้งสถานการศึกษาของรัฐและเอกชน นอกจากนี้ยังมีหลายหน่วยงานทารับบุคคลที่เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลเข้าทำงาน เพราะวอลเลย์บอลกำลังเป็นกีฬาที่นิยมของวงการทั่วไปและมีการแข่งขันกันอยู่ เป็นประจำ

กติกาการเลนวอลเลย์บอล



1 พื้นที่เล่นลูก (Playing Area)
พื้นที่เล่นลูก รวมถึงสนามแข่งขันและเขตรอบสนาม พื้นที่เลนลูกต้องเป็นรูปสามเหลี่ยมผืนผ้าและเหมือนกันทุกส่วน 1.1 ขนาดของสนาม (Dimension) สนามแข่งขันเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 18 x 9 เมตร ล้อมรอบด้วยเขตรอบสนาม กว้างอย่างน้อยที่สุด 3 เมตร ทุกด้านที่ว่างสำหรับเล่นลูก คือ ที่ว่างเหนือพื้นที่เล่นลูก ซึ่งไม่มี สิ่งใดกีดขวาง สูงขึ้นไปอย่างน้อยที่สุด 7 เมตร จากพื้นสนาม สำหรับการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (FIVB) และการแข่งขันอย่างเป็นทางการ เขตรอบสนามต้องกว้างอย่างน้อยที่สุด 5 เมตร จากเส้นข้าง 8 เมตร จากเส้นหลังและที่ว่างสำหรับเล่นลูกต้องสูงจากพื้นสนามขึ้นไปอย่างน้อยที่สุด 12.50 เมตร1.2 พื้นผิวสนาม (PLAYING SURFACE)1.2.1 พื้นผิวสนามต้องเรียบ เป็นพื้นราบและเหมือนกันตลอดทั้งสนาม ต้องไม่เป็นอันตรายจนเป็นเหตุให้ผู้เล่นบาดเจ็บ และไม่อนุญาตให้แข่งขันบนพื้นสนามที่ขรุขระหรือลื่น สำหรับการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาต ิและการแข่งขันอย่างเป็นทางการอนุญาตให้ใช้ได้เฉพาะพื้นผิวสนามที่เป็นไม้หรือพื้นผิวสังเคราะห์เท่านั้น พื้นผิวสนามอื่นใด ต้องได้รับการรับรองจากสหพันธ์วอลเลย์บอลก่อนทั้งสิ้น1.2.2 สนามแข่งขันในร่ม พื้นผิวสนามต้องเป็นสีสว่างสำหรับการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการ เส้นสนามต้องเป็นสีขาว ส่วนพื้นสนามแข่งขันและบริเวณเขตรอบสนามต้องเป็นสีแตกต่างกันออกไป1.2.3 สนามแข่งขันกลางแจ้ง อนุญาตให้พื้นผิวสนามลาดเอียงได้ 1 มิลลิเมตร ต่อ 1 เมตร เพื่อการระบายน้ำ ห้ามใช้ของแข็งทำเส้นสนาม1.3 เส้นบนพื้นสนาม (LINES ON THE COURT)1.3.1 เส้นทุกเส้นกว้าง 5 เซนติเมตร เป็นสีสว่างแตกต่างจากสีของพื้นผิวสนามและเส้นอื่น ๆ 1.3.2 เส้นเขตสนาม เส้นข้าง 2 เส้น และเส้นหลัง 2 เส้น เป็นเส้นกำหนดเขตสนามแข่งขัน เส้นทั้งหมดนี้ต้องอยู่ภายในเขตของสนามแข่งขัน1.3.3 เส้นแบ่งแดน กึ่งกลางเส้นแบ่งแดน จะแบ่งสนามแข่งขันออกเป็น 2 ส่วนเท่า ๆ กัน ขนาด 9 x 9 เมตร เส้นนี้ลากจากเส้นข้างด้านหนึ่งไปยังเส้นข้างอีกดานหนึ่งใต้ตาข่าย1.3.4 เส้นรุก แต่ละแดนของสนามจะมีเส้นรุกซึ่งริมสุดด้านนอกของเส้นจะขีดห่างจากจุดกึ่งกลางของเส้นแบ่งแดน 3 เมตร เป็นเครื่องหมายของเขตรุก สำหรับการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการ เส้นรุกจะถูกขีดต่อออกไปจากเส้นข้างทั้ง 2 เส้น เป็นเส้นประ กว้าง 5 เซนติเมตร ยาวเส้นละ 15 เซนติเมตร 5 เส้น และเว้นช่องว่างระหว่างเส้นไว้ช่องละ 20 เซนติเมตร รวมยาวข้างละ 1.75 เมตร 1.4 เขตและพื้นที่ต่าง ๆ (Zone And Areas)1.4.1 เขตรุก เขตรุกของแต่ละแดนจะถูกกำหนดจากึ่งกลางของเส้นแบ่งเขตแดน ไปจนถึงริมสุดด้านนอกของเส้นรุกเขตรุก ถือเสมือนว่ามีความยาวจากเส้นทั้งสองไปจนถึงริมสุดของเขตรอบสนาม1.4.2 เขตเสิร์ฟ เขตเสิร์ฟมีพื้นที่กว้าง 9 เมตร อยู่เลยเส้นหลังแต่ละเส้นออกไปเส้นขนานสั้น ๆ 2 เส้น ยาวเส้นละ 15 เซนติเมตร เป็นเส้นกำหนดเขตเสิร์ฟ เส้นทั้งสองนี้จะตีห่างจากเส้นหลัง 20 เซนติเมตร เหมือนกับแนวต่อจากเส้นข้าง และรวมอยู่ในความกว้างของเขตเสิร์ฟด้วยในแนวลึก เขตเสิร์ฟจะยาวออกไปจนถึงปลายสุดของเขตรอบสนาม1.4.3 เขตเปลี่ยนตัว คือ เขตที่อยู่ภายในแนวของเส้นรุกทั้งสองเส้นไปจนถึงโต๊ะผู้บันทึกการแข่งขัน1.4.4 พื้นที่อบอุ่นร่างกาย สำหรับการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการ พื้นที่อบอุ่นร่างกายขนาด 3 x 3 เมตร จะอยู่ที่นอกเขตรอบสนามตรงมุมสนามด้านเดียวกับม้านั่งของผู้เล่นสำรอง1.4.5 พื้นที่ทำโทษ พื้นที่ทำโทษขนาดประมาณ 1 x 1 เมตร มีเก้าอี้ตั้งไว้ 2 ตัวอยู่ในพื้นที่ควบคุมการแข่งขัน (CONTROL AREA) แต่อยู่เลยแนวของเส้นหลังและมีเส้นแดงกว้าง 5 เซนติเมตร กำหนดพื้นที่ 1.5 อุณหภูมิ (TEMPERATURE)อุณหภูมิต่ำสุดต้องไม่ต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส การแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการ แสงสว่างบนพื้นที่เล่นลูกต้องมีความสว่าง 1,000 – 1,500 ลักซ์ โดยวัดที่ระดับความสูงจากพื้นสนาม 1 เมตร
แผนผังสนามแข่งขัน ตำแหน่งของคณะกรรมการตัดสินและเจ้าหน้าที่
๑. ผู้ตัดสินที่ ๑๒. ผู้ตัดสินที่ ๒๓. โต๊ะผู้บันทึก ผู้จับเวลา ผู้กดป้ายคะแนน๔. โต๊ะที่นั่งสำหรับผู้เล่นสำรอง ผู้ฝึกสอน ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน ฯลฯ๕. ผู้กำกับเส้น๖. ผู้เก็บบอล๗. เขตอบอุ่นร่างกายของผู้เล่นสำรอ

กติกาข้อที่ 2 ตาข่ายและเสาขึงตาข่าย (NET AND POSTS)
2.1 ความสูงของตาข่าย (HEIGHT OF THE NET)2.1.1 ตาข่าย ขึงเป็นแนวตั้งเหนือเส้นเบ่งแดน สำหรับทีมชาย ขอบบนสุดต้องสูงจากพื้นที่ 2.43 เมตร ทีมหญิง 2.24 เมตร2.1.2 ความสูงของตาข่าย วัดที่กึ่งกลางของสนามความสูงของตาข่าย (เหนือเส้นทั้งสอง) ต้องสูงเท่ากัน แต่จะสูงเกินกว่าความสูงที่กำหนด 2 เซนติเมตรไม่ได้2.2 โครงสร้าง (STRUCTURE)ตาข่ายมีความกว้าง 1 เมตร และยาว 9.50 ถึง 10.00 เมตร (โดยมีความยาวเหลืออยู่ 25 ถึง 50 เซนติเมตร จากแถบข้างแต่ละด้าน) ทำด้วยวัสดุสีดำ เป็นตาสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาด 10 เซนติเมตร ที่ขอบบนของตาข่ายมีแถบขนานกับพื้นพับ 2 ชั้น สีขาว กว้าง 7 เซนติเมตร เย็บติดตลอดความยาวของตาข่าย ที่ปลายสุดแต่ละข้างเจาะรูไว้ข้างละ 1 รู เพื่อร้อยเชือกผูกกับเสาขึง ตาข่ายดึงให้แถบบนสุดของตาข่ายตึง ภายในแถบมีสายที่ยืดหยุ่นได้สำหรับผูกกับเสา เพื่อทำให้ส่วนบนสุดของตาข่ายตึง ที่ตาข่ายด้านล่างมีแถบขนานกับพื้นกว้าง 5 เซนติเมตร ภายในแถบมีสายที่หยืดหยุ่นได้สำหรับผูกกับเสาเพื่อให้ส่วนล่างของตาข่ายตึง2.3 แถบข้าง (SIDE BANDS)แถบสีขาว 2 เส้น ผูกในแนวตั้งกับตาข่ายเหนือทั้ง 2 เส้น แถบข้างกว้าง 5 เซนติเมตร ยาว 1 เมตร และถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของตาข่าย2.4 เสาอากาศ (ANTENNAE)เสาอากาศเป็นแท่งกลมยืดหยุ่นได้ ยาว 1.80 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 10 มิลลิเมตร ทำด้วยใยแก้วหรือวัสดุที่คล้ายคลึงกันเสาอากาศแต่ละต้นถูกยึดติดอยู่ที่ริมด้านนอกของแถบข้างทั้งสอง แต่อยู่คนละด้านของตาข่าย ส่วนบนสุดของเสาอากาศ ถือเป็นสีสลับกันเป็นช่วง ๆ ยาวช่องละ 10 เซนติเมตร ส่วนมากแล้วนิยมใช้สีแดงและขาว เสาอากาศถือเป็นส่วนหนึ่ง ของตาข่าย เป็นแนวขนานที่กำหนดพื้นที่ข้ามตาข่าย2.5 เสาขึงตาข่าย (POSTS)2.5.1 เสาขึงตาข่ายยึดติดกับพื้นสนาม ห่างจากเส้นข้าง 0.50 – 1.00 เมตร มีความสูง 2.55 เมตร สามารถปรับระดับได้ สำหรับการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการ เสาขึงตาข่ายยึดติดกับพื้นสนาม ห่างจากเส้นข้าง 1 เมตร เว้นแต่ว่า ได้รับการยินยอมจากสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ2.5.2 เสาขึงตาข่ายมีลักษณะกลมและเรียบ ยึดติดกับพื้นโดยไม่มีสายยึดเสาและต้องไม่เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดอันตรายและไม่เป็นสิ่งกีดขวางใด ๆ 2.6 อุปกรณ์อื่น ๆ (ADDITIONAL EQUIPMENT)อุปกรณ์อื่นใดให้ขึ้นอยู่กับข้อตกลงตามระเบียบของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ
กติกาข้อที่ 3 ลูกบอล (BALLS)
3.1 มาตรฐาน (STANDARD)ลูกบอลต้องกลม ทำด้วยหนังฟอกหรือหนังสังเคราะห์ที่ยืดหยุ่นได้ ห่อหุ้มลูกบอลทรงกลมที่ทำด้วยยาง หรือวัสดุที่คล้ายคลึงกัน สีของลูกบอลอาจเป็นสีอ่อน ๆ เหมือนกันทั้งลูก หรืออาจเป็นหลายสีผสมกันก็ได้ ลูกบอลซึ่งทำด้วยวัสดุที่เป็นหนังสังเคราะห์มีหลายสีผสมกันและจะใช้ในการแข่งขันระดับนานาชาติอย่างเป็นทางการ ต้องมีมาตรฐานตามที่สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติกำหนด ลูกบอลต้องมีแรงดันลม 0.30 – 0.325 กิโลกรัม/ตารางเซนติเมตร ลูกบอลต้องมีเส้นรอบวงกลม 65 – 67 เซนติเมตร และมีน้ำหนัก 260 – 280 กรัม3.2 รูปแบบของลูกบอล (UNIFORMITY OF BALLS)ลูกบอลที่ใช้ในการแข่งขันต้องมีเส้นรอบวง น้ำหนัก แรงอัด ชนิดและสีตามาตรฐานเดียวกัน การแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและรวมทั้งระดับชาติ หรือการแข่งขันลีก (League) ของแต่ละประเทศต้อง ใช้ลูกบอลที่สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติรับรองเท่านั้น เว้นแต่ได้รับการยินยอมจากสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ3.3 ระบบการใช้ลูกบอล 3 ลูก (THREE – BALL SYSTEM)การแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการ จะใช้ลูกบอล 3 ลูก โดยมีผู้กลิ้งบอล 6 คน ประจำที่มุมของเขตรอบสนามทั้งสี่มุม มุมละ 1 คน และข้างหลังผู้ตัดสินด้านละ 1 คน
บทที่ 2ผู้เข้าร่วมการแข่งขัน(PARTICIPANTS)กติกาข้อที่ 4 ทีม (TEAMS)
4.1 ส่วนประกอบของทีม (TEAM COMPOSITION)4.1.1 ทีมประกอบด้วยผู้เล่นไม่เกิน 12 คน ผู้ฝึกสอน 1 คน ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน 1 คน เทรนเนอร์ 1คน และแพทย์ 1 คนสำหรับการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการ แพทย์ต้องขึ้นทะเบียนกับสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติก่อนการแข่งขัน4.1.2 ผู้เล่นคนหนึ่งของทีมที่ไม่ใช่ตัวรับอิสระ (LIBERO PLAYER) ต้องเป็นหัวหน้าทีมและจะระบุไว้ในใบบันทึกการแข่งขัน4.1.3 ผู้เล่นที่มีชื่ออยู่ในใบบันบันทึกการแข่งขันเท่านั้นจึงจะลงสนามและร่วมการแข่งขันได้ เมื่อผู้ฝึกสอนและหัวหน้าทีม (TEAM CAPTAIN) ลงชื่อในใบบันทึกการแข่งขันแล้วจะเปลี่ยนแปลงผู้เล่นอีกไม่ได้4.2 ตำแหน่งที่อยู่ของทีม (LOCATION OF THE TEAM) 4.2.1 ผู้เล่นที่ไม่ได้ลงแข่งขันควรนั่งม้านั่งหรืออยู่ในพื้นที่อบอุ่นร่างกายของทีมตนเอง ผู้ฝึกสอนและผู้ร่วมทีมคนอื่นต้องนั่งบนม้านั่ง แต่อาจลุกจากม้านั่งเป็นครั้งคราว ม้านั่งของทีมตั้งอยู่ข้าง ๆ โต๊ะผู้บันทึก นอกเขตรอบสนาม4.2.2 เฉพาะผู้ร่วมทีมเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้นั่งม้านั่งระหว่างการแข่งขันและร่วมการอบอุ่นร่างกายก่อนการแข่งขัน4.2.3 ผู้เล่นที่ไม่ได้ลงแข่งขันสามารถอบอุ่นร่างกายโดยไม่ใช่ลุกบอลได้ดังนี้4.2.3.1 ระหว่างการแข่งขันในพื้นที่อบอุ่นร่างกาย4.2.3.2 ระหว่างขอเวลานอกและเวลาเทคนิคในเขตรอบสนามด้านหลังแดนของทีมตนเอง4.2.4 ช่วงพักระหว่างเชต ผู้เล่นสามารถอบอุ่นร่างกายโดยใช้ลูกบอลได้ในเขตรอบสนามของทีมตนเอง4.3 เครื่องแต่งกาย (EQUIPMENT) เครื่องแต่งกายของผู้เล่นประกอยด้วย เสื้อยืด กางเกงขาสั้น ถุงเท้า (ชุดแข่งขัน) และรองเท้า4.3.1 สีและแบบของเสื้อยืด กางเกงขาสั้น และถุงเท้าต้อง เหมือนกันทั้งทีม (ยกเว้นตัวรับอิสระ LIBERO PLAYER) และสะอาด 4.3.2 รองเท้าต้องเบาและอ่อนนุ่ม พื้นเป็นยางหรือหนังไม่มีส้น สำหรับการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและ การแข่งขันอย่างเป็นทางการในรุ่นที่ไม่กำจัดอายุสีรองเท้าต้องเป็นสีเดียวกันทั้งทีม แต่เครื่องหมายการค้าอาจมีสีแตกต่างกันได้ เสื้อและกางเกงต้องเป็นไปตามมาตรฐานของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ4.3.3 เสื้อผู้เล่นต้องมีเครื่องหมาย 1 – 18 4.3.3.1 ต้องติดเครื่องที่กลางอกและกลางหลังสีของเครื่องหมายเลขต้องตัดกับสีเสื้ออย่างชัดเจน4.3.3.2 หมายเลขด้านหน้าต้องสูงอย่างน้อยที่สุด 15 เซนติเมตร ด้านหลังอย่างน้อยที่สุด 20 เซนติเมตร และความกว้างของแถบที่ทำหมายเลข ต้องกว้างอย่างน้อยที่สุด 1 เซนติเมตร4.3.4 หัวหน้าทีมต้องมีแถบยาว 8 เซนติเมตร กว้าง 2 เซนติเมตร ติดอยู่ใต้หมายเลขตรงอกเสื้อ4.3.5 ห้ามใส่ชุดแข่งขันที่มีหมายเลขไม่ถูกต้อง หรือชุที่มีสีแตกต่างจากผู้เล่นอื่น4.4 การเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย (CHANGE OF EQUIPMENT)ผู้ตัดสินคนที่ 1 มีอำนาจที่จะให้ผู้เล่น 1 คน หรือมากกว่า4.4.1 ลงแข่งขันโดยไม่สวมรองเท้าก็ได้4.4.2 เปลี่ยนชุดที่เปียกช่วงพักระหว่างเชต หรือหลังจากการเปลี่ยนตัวได้ โดยสี แบบ และหมายเลขของชุดใหม่ต้องเหมือนับชุดเดิม4.4.3 สวมชุดวอร์มลงแข่งขันได้ ถ้าอากาศหนาว ถ้าสีและแบบของชุควอร์มเหมือนกันทั้งทีม และหมายเลขต้องเป็นไปตามปกติ4.5 สิ่งที่ห้ามสวมใส่ (FORBIDDEN OBJECTS)4.5.1 ห้ามสวมใส่สิ่งของซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดการบาดเจ็บหรือช่วยให้ผู้เล่นได้เปรียบผู้อื่น4.5.2 ผู้เล่นอาจสวมแว่นตาหรือคอนเทคเลนซ์ได้ โดยรับผิดชอบอันตรายที่อาจเกิดขึ้นด้วยตัวเอง
กติกาข้อที่ 5 ผู้นำของทีม (TEAM LEADER)
ทั้งหัวหน้าทีมหรือผู้ฝึกสอนเป็นผผู้รับผิดชอบความประพฤติและระเบียบวินัยของผู้ร่วมทีมตัวรับอิสระจะเป็นหัวหน้าทีมไม่ได้5.1 หัวหน้าทีม (CAPTAIN)5.1.1 ก่อนการแข่งขัน หัวหน้าทีมเป็นผู้ลงชื่อในใบบันทึกการแข่งขันและเป็นผู้แทนของทีมในการเสี่ยง5.1.2 ระหว่างการแข่งขันและขณะอยู่ในสนามแข่งขันหัวหน้าทีม (TEAM CAPTAIN) ผู้นำในการแข่งขัน เมื่อหัวหน้าทีมไม่ได้เล่นอยู่ในสนาม ผู้ฝึกสอนหรือหัวหน้าทีมต้องแต่งตั้งผู้เล่นคนหนึ่งที่อยู่ในสนาม แต่ต้องไม่ไช่ตัวรับอิสระ ทำหน้าที่หัวหน้าทีมในการแข่งขัน (GAME CAPTAIN) และต้องรับผิดชอบไปจนกว่าหัวหน้าทีม (TEAM CAPTAIN) จะเปลี่ยนตัวมาลงเล่นอีกหรือจนกว่าจะสิ้นสุดเซตนั้นเมื่อลูกตาย หัวหน้าทีมในการแข่งขันเท่านั้นที่มีสิทธิเป็นผู้แทนของผู้เล่นทั้งหมดพูดกับผู้ตัดสิน เพื่อ5.1.2.1 ขอคำอธิบายในการตีความกติกาหรือนำกติกามาใช้และร้องขอหรือถามคำถามของเพื่อนร่วมทีม ถ้าคำอธิบายไม่เป็นที่พอใจ หัวหน้าในการแข่งขันต้องประท้องการตัดสินนั้นและสงวนสิทธิบันทึกการประท้องอย่างเป็นทางการ ในใบบันทึกการแข่งขัน เมื่อการแข่งขันจบสิ้นลง5.1.2.2 ขอสิทธิก. เปลี่ยนชุดหรืออุปกรณ์การแข่งขันบางส่วนหรือทั้งหมด ข. ตรวจตำแหน่งผู้เล่นของทีม ค. ตรวจพื้นสนาม ตาข่าย และลูกบอล5.1.2.3 ขอเวลานอกและเปลี่ยนตัวผู้เล่น5.1.3 เมื่อสิ้นสุดการแข่งขันหัวหน้าทีมต้อง5.1.3.1 แสดงความขอบคุณผู้ตัดสินและลงชื่อในใบบันทึกการแข่งขันการประท้องอย่างเป็นทางการต่อผู้ตัดสิน เกี่ยวกับการนำกติกาใช้หรือตีความกติกาลงในใบบันทึกการแข่งขัน5.2 ผู้ฝึกสอน (COACH)5.2.1 ตลอดการแข่งขัน ผู้ฝึกสอนเป็นผู้ควบคุมการเล่นของทีมภายในสนามแข่งขัน เป็นผู้เลือกผู้เล่น 6 คนแรก เปลี่ยนตัวผู้เล่นและขอเวลานอก ผู้ฝึกสอนทำหน้าที่ดังกล่าวได้โดยขอผ่านทางผู้ตัดสินที่ 25.2.2 ก่อนการแข่งขัน ผู้ฝึกสอนต้องบันทึกหรือตรวจสอบรายชื่อและหมายเลขของผู้เล่นในใบบันทึกการแข่งขัน 5.2.3 ระหว่างการแข่งขัน ผู้ฝึกสอนต้อง5.2.3.1 ยืนใบส่งตำแหน่งของผู้เล่นที่ลงชื่อแล้ว ให้ผู้ตัดสินหรือผู้บันทึกก่อนการแข่งขันทุกเซต5.2.3.2 นั่งม้านั่งของทีมซึ่งใกล้กับผู้บันทึกมากที่สุดแต่อาจลูกจากม้านั่งได้เป็นครั้งคราว5.2.3.3 ขอเวลานอกและเปลี่ยนตัวผู้เล่น5.2.3.4 ผู้ฝึกสอนรวมทั้งผู้ร่วมทีมอื่น ๆ อาจให้คำแนะนำผู้เล่นในสนามได้ โดยผู้ฝึกสอนอาจให้คำแนะนำผู้เล่นในสนามได้โดยผู้ฝึกสอนอาจให้คำแนะนำขณะที่ยืนหรือเดินภายในเขตเล่นลูก (FREE ZONE) ด้านหน้าของม้านั่งผู้เล่นสำรองตั้งแต่แนวที่ยื่นออกมาของเส้นรุกจนถึงพื้นที่อบอุ่นร่างกายแต่ต้องไม่รบกวนหรือถ่วงเวลาการแข่งขัน5.3 ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน (ASSISTANT COACH)5.3.1 ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนนั่งบนม้านั่งของทีม แต่ไม่มีสิทธิใด ๆ ที่จะหยุดการแข่งขัน5.3.2 ถ้าผู้ฝึกสอนไม่อยู่ ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนอาจทำหน้าที่ผู้ฝึกสอนแทนได้ โดยการขออนุญาตของหัวหน้าทีมในขณะแข่งขัน (GAME CAPTAIN) และได้รับการยินยอมจากผู้ตัดสินที่ 1
บทที่ 3 รูปแบบของการแข่งขัน(PLAYING FORMAT)กติกาข้อที่ 6 การได้คะแนน การชนะในแต่ละเชต และการชนะแต่ละนัด (TO SCORE A POINT,TOWIN A SET AND THE MATCH)
6.1 การได้คะแนน (TO SCORE A POINT)6.1.1 คะแนน ทีมได้คะแนนเมื่อ6.1.1.1 ทำให้ลูกบอลตกลงบนพื้นสนามในแดนของทีมตรงข้าม6.1.1.2 ทีมตรงข้ามทำผิดกติกา6.1.1.3 ทีมตรงข้ามถูกลงโทษ6.1.2 การทำผิดกติกา ทีมทำผิดกติกาเมื่อลักษณะของการเล่นตรงข้ามกับกติกาการแข่งขัน(หรือขัดแย้งกับกติกาโดยวิธีอื่นใด) ผู้ตัดสินจะตัดสินการการกระทำผิดและตัดสินใจดำเนินการตามกติกา ดังนี้6.1.2.1 ถ้ามีการเล่นผิดกติกาสองอย่างหรือมากกว่าเกิดขึ้นต่อเนื่องกัน จะลงโทษเฉพาะการผิดกติกาที่เกิดขึ้นก่อนเท่านั้น6.1.2.2 ถ้าทั้งสองทีมเล่นผิดกติกาสองอย่างหรือมากกว่าพร้อม ๆ กันทั้งสองทีม จะถือว่าเป็นการกระทำผิดทั้งคู่ และจะเล่นลูกนั้นใหม่6.1.3 ผลที่ตามมาเมื่อชนะการเล่นลูก การเล่นลูกเป็นลักษณะการเล่นที่เริ่มต้นตั้งแต่ผู้เสิร์ฟทำการเสิร์ฟ จนกระทั้งลูกตาย 6.1.3.1 ถ้าทีมที่เป้นฝ่ายเสิร์ฟชนะการเล่นลูกจะได้คะแนนและได้เสิร์ฟต่อ6.1.3.2 ถ้าทีมที่เป้นฝ่ายรับลูกเสิร์ฟชนะการเล่นลูกจะได้คะแนนและได้เสิร์ฟในครั้งต่อไป6.2 การชนะในแต่ละเซต (TO WIN A SET)ทีมที่ทำได้ 25 คะแนนก่อน (ยกเว้นเซตตัดสิน) และมีคะแนนนำทีมตรงข้ามอย่างน้อยที่สุก 2 คะแนน จะเป็นทีมชนะการแข่งขันเซตนั้น ถ้าทำได้ 24 คะแนนเท่ากัน จะแข่งขันกันต่อไปจนกว่าทีมใดทีมหนึ่งอย่างน้อยที่สุด 2 คะแนน6.3 การชนะการแข่งขันแต่ละนัด (TO WIN THE MATCH)6.3.1 ทีมที่ทำได้ 3 เซต เป็นทีมที่ชนะการแข่งขันนัดนั้น6.3.2 ในกรณีที่ได้เซตเท่ากัน 2 : 2 การแข่งขันเซตตัดสิน (เซตที่ 5) จะแข่งขันกัน 15 คะแนน และต้องมีคะแนนนำอีกทีมหนึ่งอย่างน้อย 2 คะแนน6.4 ทีมที่ผิดระเบียบการแข่งขันและไม่พร้อมจะแข่งขัน (DEFAULT AND INCOMPLETE TEAM) 6.4.1 ถ้าทีมปฏิเสธที่จะแข่งขัน หลังจากได้รับแจ้งให้แข่งขันต่อ ทีมนั้นจะถูกแจ้งว่าทำผิดระเบียบการแข่งขัน และปรับเป็นแพ้ในการแข่งขันนัดนั้น ด้วยผลการแข่งขัน 0 – 3 เซต คะแนน 0 – 25 ในแต่ละเซต6.4.2 ทีมที่ไม่ปรากฏตัว ณ สนามแข่งขันตามเวลาที่กำหนดโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ถือว่าผิดระเบียบการแข่งขันและมีผลการแข่งขันเช่นเดียวกับกติกาข้อ 6.4.16.4.3 ทีมที่ถูกแจ้งว่าไม่พร้อมในการแข่งขันนัดใดนัดหนึ่งหรือการแข่งขันเซตใดเซตหนึ่ง จะแพ้ในเซตนั้นหรือการแข่งขันนัดนั้น ทีมตรงข้ามจะได้คะแนนและเซตเพื่อเป็นทีมชนะในเซตหรือการแข่งขันนัดนั้น ส่วนทีมที่ไม่พร้อมจะแข่งขันจะยังคงได้คะแนนและเชตที่ทำไว้
กติกาข้อที่ 7 โครงสร้างของการแข่งขัน (STRUCTURE OF PLAY)
7.1 การเสี่ยง (TOSS)ก่อนการแข่งขัน ผู้ตัดสินที่ 1 จะทำการเสี่ยงเพื่อตัดสินว่าทีมใดจะทำการเสิร์ฟก่อนหรืออยู่แดนใด ในเซตที่ 1ถ้าต้องการแข่งขันเซตตัดสินจะต้องทำการเสี่ยงใหม่อีกครั้งหนึ่ง7.1.1 การเสี่ยงต้องทำโดยมีหัวหน้าทีมทั้งสองทีมร่วมอยู่ด้วย7.1.2 ผู้ชนะการเสี่ยงจะสิทธิเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้7.1.2.1 เลือกเสิร์ฟหรือรับลูกเสิร์ฟ 7.1.2.2 เลือกแดนใดแดนหนึ่งของสนามก็ได้ ผู้แพ้การเสี่ยงจะได้รับส่วนที่เหลือ7.1.3 ในกรณีที่ทำการอบอุ่นร่างกายมาพร้อมกัน ทีมที่ทำกาเสิร์ฟก่อนจะทำการอบอุ่นร่างกายที่ตาข่ายก่อน7.2 การอบอุ่นร่างกาย (WARM-UP SESSION)7.2.1 ก่อนการแข่งขัน ถ้าทีมมีสนามอบอุ่นร่างกายที่จัดไว้ให้แล้ว แต่ละทีมจะทำการอบอุ่นร่างกายที่ตาข่ายได้ทีมละ 5 นาที7.2.2 ถ้าหัวหน้าทีมทั้งสองตกลงทำการอบอุ่นร่างกายที่ตาข่ายพร้อมกันจะอบอุ่นร่างกายได้ 6 นาที หรือ 10 นาที 7.3 ตำแหน่งการเริ่มต้นของทีม (TEAM STARTING LINE-UP)7.3.1 ทีมต้อมีผู้เล่น 6 คนเสมอ ในการแข่งขันตำแหน่งเริ่มต้นของทีม แสดงถึงลำดับการหมุนตำแหน่งของผู้เล่นในสนามลำดับนี้ตะคงอยู่ตลอดเวลานั้น7.3.2 ก่อนการเริ่มแข่งขันแต่ละเซตผู้ฝึกสอนต้องแจ้งตำแหน่งเริ่มต้นเล่นทีมของตนเองในใบส่งตำแหน่ง ซึ่งเขียนหมายเลขของผู้เล่นและลงชื่อกำกับแล้ว ส่งให้ผู้ตัดสินที่ 2 หรือผู้บันทึกการแข่งขัน7.3.3 ผู้เล่นที่ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเริ่มต้นเล่นของทีม จะเป็นผู้เล่นสำรองในเซตนั้น7.3.4 เมื่อใบส่งตำแหน่งเริ่มต้นเล่น ถูกนำส่งให้ผู้ตัดสินที่ 2 หรือผู้บันทึกการแข่งขันแล้ว จะไม่อนุญาตให้มีการเปลี่ยนแปลงใบส่งตำแหน่งอีก นอกจากต้องการทำการเปลี่ยนตัวผู้เล่นตามปกติ7.3.5 ถ้าพบว่ามีการผิดพลาดระหว่างใบส่งตำแหน่งกับตำแหน่งของผู้เล่นในสนาม 7.3.5.1 ถ้าพบว่ามีการผิดพลาดก่อนเริ่มการแข่งขันของเซต ผู้เล่นต้องเปลี่ยนตำแหน่งให้เป็นไปตามใบส่งตำแหน่งโดยไม่มีการลงโทษ7.3.5.2 อย่างไรก็ตามถ้าผู้ฝึกสอนต้องการให้ผู้เล่นเปลี่ยนที่ไม่ได้ระบุไว้ในใบส่งตำแหน่ง ยังคงอยู่ในสนาม ผู้ฝึกสอนต้องของเปลี่ยนตัวตามปกติและต้องบันทึกลงในใบบันทึกการแข่งขัน7.4 ตำแหน่ง (POSITIONS)ขณะที่ผู้เสิร์ฟทำการเสิร์ฟลูกบอล แต่ละทีมต้องอยู่ในแดนของตนเองตามลำดับการหมุมตำแหน่ง7.4.1 ตำแหน่งของผู้เล่นจำแนกได้ดังนี้7.4.1.1 ผู้เล่นแถวหน้า 3 คน ที่อยู่ใกล้ตาข่ายเป็นผู้เล่นแถวหน้าอยู่ในตำแหน่งที่ 4 ตำแหน่งที่ 3 และตำแหน่งที่ 2 7.4.1.2 ส่วนอีก 3 คน เป็นผู้เล่นแถวหลังอยู่ในตำแหน่งที่ 5 ตำแหน่งที่ 6 ตำแหน่งที่ 1 ตำแหน่งของผู้เล่นจะถือตำแหน่งของเท้าที่แตะพื้น เป็นเครื่องหมายกำหนด
ตำแหน่งและหน้าที่ของผู้เล่น
หมายเลข ๑ ตำแหน่ง หลังขวา มีหน้าที่เสิร์ฟและรับลูกบอลป้อนไปยังแดนหน้า หมายเลข ๒ ตำแหน่ง หน้าขวา มีหน้าที่สกัดกั้น เล่นลูกบอลหน้าตาข่าย หมายเลข ๓ ตำแหน่ง หน้ากลาง มีหน้าที่สกัดกั้น เล่นลูกบอลหน้าตาข่าย หมายเลข ๔ ตำแหน่ง หน้าซ้าย มีหน้าที่สกัดกั้น เล่นลูกบอลหน้าตาข่าย หมายเลข ๕ ตำแหน่ง หลังซ้าย มีหน้าที่รับและป้อนลูกบอลไปยังแดนหน้า หมายเลข ๖ ตำแหน่ง กลางหลัง มีหน้าที่รับและป้อนลูกบอลไปยังแดนหน้า
7.4.2 ความเกี่ยวข้องของตำแหน่งระหว่างผู้เล่น7.4.2.1 ผู้เล่นแถวหลังแต่ละคนต้องมีตำแหน่งอยู่ด้านหลังทั้งคู่ของตนเองที่เป็นผู้เล่นแถวหน้า 7.4.2.2 ผู้เล่นแถวหน้าและแถวหลังแต่ละคู่ต้องอยู่ในตำแหน่งข้างเดียวกันตามลำดับการหมุนตำแหน่งที่ระบุไว้ในกติกาข้อ 7.4.17.4.3 ตำแหน่งของผู้เล่นจะพิจารณาและควบคุมจากตำแหน่งของเท้าที่สัมผัสพื้น ดังนี้7.4.3.1 ผู้เล่นแถวหน้าแต่ละคนต้องมีส่วนหนึ่งส่วนใดของรองเท้าอยู่ใกล้เส้นแบ่งแดนมากกว่าเท้าของผู้เล่นแดนตน7.4.3.2 ผู้เล่นที่อยู่ทางขวา (หรือทางซ้าย) ต้องมีส่วนใดส่วนหนึ่งของเท้าใกล้กับเส้นทางขวา (หรือซ้าย) มากกว่าผู้เล่นที่อยู่ตำแหน่งกลางของแถวเดียวกัน7.4.4 เมื่อทำการเสิร์ฟลูกบอลออกไปแล้ว ผู้เล่นสามารถเคลื่อนที่ไปอยู่ตำแหน่งใดก็ได้ในแดนและเขตรอบสนามตน7.5 การผิดตำแหน่ง (POSITIONAL FAULT)7.5.1 ทีมจะผิดตำแหน่ง ถ้าผู้เล่นคนใดคนหนึ่งไม่อยู่ไม่อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ขณะที่ผู้เสิร์ฟทำการเสิร์ฟลูกบอล 7.5.2 ถ้าผู้เสิร์ฟเสิร์ฟผิดกติกาขณะที่ทำการเสิร์ฟ จะถือว่าการเสิร์ฟผิดปกติเกิดขึ้นก่อนการผิดตำแหน่งของทีมตรงข้าม7.5.3 ถ้าการเสิร์ฟผิดกติกาหลังจากทำการเสิร์ฟออกไปแล้ว จะถือว่าการผิดตำแหน่งเกิดขึ้นก่อน7.5.4 การทำผิดตำแหน่งจะมีผลตามมาดังนี้7.5.4.1 เป็นฝ่ายแพ้ในการเล่นลูกครั้งนั้น7.5.4.2 เปลี่ยนตำแหน่งของผู้เล่นให้ถูกต้อง7.6 การหมุนตำแหน่ง (ROTATION)7.6.1 ลำดับการหมุนตำแหน่งจะเป็นไปตามใบส่งตำแหน่งเริ่มต้นของทีมและควบคุมด้วยลำดับการเสิร์ฟและตำแหน่งของผู้เล่นตลอดทั้งเซต 7.6.2 เมื่อทีมที่รับลูกเสิร์ฟได้สิทธ์ในการทำเสิร์ฟ ผู้เล่นต้องหมุนต้องหมุนไปตามเข็มนาฬิกาไป 1 ตำแหน่ง
ผู้เล่นตำแหน่งที่ ๒ หมุนไปตำแหน่งที่ ๑ เพื่อทำการเสิร์ฟ ผู้เล่นตำแหน่งที่ ๑ หมุนไปตำแหน่งที่ ๖ ผู้เล่นตำแหน่งที่ ๖ หมุนไปตำแหน่งที่ ๕ ผู้เล่นตำแหน่งที่ ๕ หมุนไปตำแหน่งที่ ๔ ผู้เล่นตำแหน่งที่ ๔ หมุนไปตำแหน่งที่ ๓ ผู้เล่นตำแหน่งที่ ๓ หมุนไปตำแหน่งที่ ๒
การหมุนตำแหน่งผู้เล่น
๑. การหมุนตำแหน่งจะกระทำเมื่อมีการเปลี่ยนเสิร์ฟโดยหมุนไป ๑ ตำแหน่ง๒. การหมุนตำแหน่งต้องหมุนไปในทิศทางตามเข็มนาฬิกา ๓. ลำดับการหมุนตำแหน่งที่บันทึกไว้ในบันทึกในแต่ละเซ็ทจะต้องคงที่ตลอดไป ทั้งเซ็ทนั้น ๔. ลำดับการหมุนตำแหน่งในเซ็ทใหม่แต่ละเซ็ท อาจจะเปลี่ยนเป็นผู้เล่นคนอื่นก็ได้ที่มี ชื่ออยู่ในบันทึก
7.7 การหมุนตำแหน่งผิด (ROTATIONAL FAULT)7.7.1 การหมุนตำแหน่งผิดเกิดขึ้นเมื่อ การเสิร์ฟไม่เป็นไปตามตำแหน่งการหมุนตำแหน่ง และมีผลตามมาดังนี้7.7.1.1 เป็นฝ่ายแพ้ในเล่นลูกครั้งนั้น7.7.1.2 ต้องเปลี่ยนตำแหน่งของผู้เล่นให้ถูกต้อง7.7.2 นอกจากนั้น ผู้บันทึกต้องตัดสินใจหยุดการแข่งขันทันทีที่มีการผิดตำแหน่ง และยกเลิกคะแนนที่ได้ทำทั้งหมดขณะที่ผิดตำแหน่งส่วนคะแนนของที่ทำได้ทั้งหมดขณะผิดตำแหน่งส่วนคะแนนของทีมตรงข้ามให้คงไว้คงเดิมถ้าคะแนนขณะผิดตำแหน่งไม่สามารถตรวจพบได้ให้ลงทาเพียงเป็นฝ่ายแพ้ในการเล่นลูกครั้งนั้นเท่านั้น
กติกาข้อที่ 8 การเปลี่ยนตัว (SUBSTITUTION OF PLAYERS)
การเปลี่ยนตัว คือ การที่ผู้เล่นคนหนึ่งออกจากสนาม และผู้เล่นอีกคนหนึ่งข้าไปแทนในตำแหน่งนั้น หลังจากผู้บันทึกได้บันทึกการเปลี่ยนตัว (ยกเว้นตัวบันทึกอิสระ) การเปลี่ยนตัวต้องได้รับอนุญาตจากผู้ตัดสิน8.1 ข้อจำกัดขอกการเปลี่ยนตัว (LIMIYION OF SUBSTITUTION)8.1.1 ทีมหนี่งจะเปลี่ยนตัวได้มากที่สุด 6 คนต่อเซต การเปลี่ยนตัวแต่ละครั้งจะเปลี่ยนเพียง 1 คน หรือมากกว่าก็ได้8.1.2 ผู้เล่นที่เริ่มต้นเล่นในเซตนั้นจะเปลี่ยนตัวออกได้หนึ่งครั้งและกลับมาเข้าไปเล่นได้อีกหนึ่งครั้ง ในตำแหน่งเดิม ตามใบส่งตำแหน่ง8.1.3 ผู้เล่นสำรองจะเปลี่ยนเข้าแทนผู้เล่นที่เริ่มต้นเล่นในเซตนั้นได้เพียงครั้งเดียวในแต่ละเซต และผู้ที่จะเปลี่ยนตัวเข้ามาแทนผู้เล่นสำรองต้องเป็นผู้เล่นคนเดิมเท่านั้น8.2 การเปลี่ยนตัวที่ได้รับการยกเว้น (EXCEPTIONAL SUBSTITUTION)ผู้เล่นที่ได้รับบาดเจ็บ (ยกเว้นผู้รับอิสระ) จนแข่งขันต่อไปไม่ได้ จะเปลี่ยนตัวตามกติกา ถ้าเปลี่ยนตัวตามกติกาไม่ได้ ทีมนั้นจะได้รับการยกเว้นให้เปลี่ยนได้ นอกเหนือจากกติกาที่กำหนดไว้ใน การเปลี่ยนตัวที่ได้รับยกเว้นจะไม่นับรวม กับการเปลี่ยนตัวตามปกติ ไม่ว่ากรณีใด8.3 การเปลี่ยนตัวผู้เล่นที่ถูกทำโทษออกจากการแข่งขันหรือขาดคุณสมบัติที่จะแข่งขันหรือขาดคุณสมบัติที่จะแข่งขัน (SUBSTITUTION FOR EXPULSION OR DISQUALIFICATION)ผู้เล่นที่ถูกทำโทษให้ออกจากการแข่งขันหรือขาดคุณสมบัติที่จะแข่งขัน ต้องทำการเปลี่ยนตัวตามกติกา ถ้าทำการเปลี่ยนตัวตามกติกาไม่ได้ จะถือว่าทีมนั้นเป็นทีมที่ไม่พร้อมจะแข่งขัน8.4 การเปลี่ยนตัวที่ผิดกติกา (ILLEGAL SUBSTITUTION)8.4.1 การเปลี่ยนตัวจะผิดกติกา ถ้านอกเหนือจากข้อจำกัดที่กำหนดไว้ในกติกาข้อ 8.1 8.4.2 เมื่อทีมทำการเปลี่ยนตัวผิดกติกา และการแข่งขันได้เล่นต่อไปแล้วจะต้องดำเนินการดังนี้ (กติกาข้อ 9.1)8.4.2.1 ทีมถูกลงโทษให้เป็นฝ่ายแพ้ในการเล่นลูกครั้งนั้น 8.4.2.2 แก้ไขการเปลี่ยนตัวให้ถูกต้อง8.4.2.3 คะแนนที่ทำได้ตั้งแต่ทำผิดกติกาของทีมนั้นจะถูกตัดออก ส่วนคะแนนของทีมตรงข้ามยังคงไว้ตามเดิม
บทที่ 4ลักษณะการแข่งขัน(PLAYING ACTION)กติกาข้อที่ 9 รูปแบบต่างๆของการเล่น (STATES OF PLAY)
9.1 ลูกบอลที่อยู่ในการเล่น (BALL IN PLAY)ลูกบอลจะอยู่ในการเล่นตั้งแต่ขณะที่ทำการเสิร์ฟ โดยผู้ตัดสินที่ 1 เป็นผู้อนุญาต (กติกาข้อ 13.3)9.2 ลูกบอลที่ไม่ได้อยู่ในการเล่น หรือลูกตาย (BALL OUT OF PLAY)ลูกบอลที่ไม่ได้อยู่ในการเล่น ตั้งแต่ขณะที่มีการทำผิดกติกาซึ่งผู้ตัดสินคนใดคนหนึ่งจะเป็นผู้ให้สัญญาณนกหวีด การทำผิดกติกาสิ้นสุดลงพร้อมๆกับสัญญาณนกหวีด9.3 ลูกบอลอยู่ในสนาม (BALL IN)ลูกบอลอยู่ในสนาม เมื่อลูกบอลถูกพื้นสนามแข่งขันรวมทั้งเส้นเขตสนาม (กติกาข้อ 1.1, 1.3.2) 9.4 ลูกบอลออกนอกสนาม (BALL OUT)ลูกบอลออกนอกสนามเมื่อ9.4.1 บางส่วนของลูกบอลตกลงบนพื้น นอกเส้นเขตสนามอย่างสมบูรณ์ 9.4.2 ลูกบอลถูกสิ่งของที่อยู่ภายนอกสนาม เพดาน หรือผู้ที่ไม่ได้แข่งขันด้วย9.4.3 ลูกบอลถูกเสาอากาศ เชือก เสา หรือตาข่ายที่อยู่นอกแถบข้าง (กติกาข้อ 2.3)9.4.4 ลูกบอลข้ามตาข่าย นอกเขตแนวตั้งที่กำหนดให้ลูกบอลผ่านอย่างสมบูรณ์หรือเพียงบางส่วน (ยกเว้นกรณีกติกาข้อ 11.1.2, 11.1.1)9.4.5 ลูกบอลลอดใต้ตาข่ายไปยังแดนของทีมตรงข้ามอย่างสมบูรณ์
กติกาข้อที่ 10 การเล่นลูกบอล (PLAYING THE BALL)
แต่ละทีมต้องเล่นลูกบอลภายในพื้นที่เล่นลูกและที่ว่างของทีมตนเอง (ยกเว้นกติกาข้อ 11.1.2) อย่างไรก็ตามผู้เล่นสามารถนำบอลที่ออกไปนอกเขตรอบสนามกลับมาเล่นต่อได้10.1 การถูกลูกบอลของทีม (TEAM HITS)ทีมถูกลูกบอลได้มากที่สุด 3 ครั้ง (นอกจากทำการสกัดกั้นตามกติกาข้อ 15.4.1) เพื่อส่งลูกบอลกลับไปยังทีมตรงข้าม ถ้าถูกลูกบอลมากกว่านี้ ถือว่าทีมทำผิดกติกา “ถูกลูก 4 ครั้ง” การถูกลูกบอลของทีม นับรวมทั้งที่ผู้เล่นตั้งใจถูกหรือไม่ตั้งใจถูกก็ตาม10.1.1 การถูกลูกบอลอย่างต่อเนื่อง (CONSECUTIVE CONTACTS) ผู้เล่นจะถูกลูกบอล 2 ครั้งติดต่อกันไม่ได้ (ยกเว้นกติกาข้อ 10.2.3, 15.2, 15.4.2)10.1.2 การถูกลูกบอลพร้อมกัน (SIMULTENEOUS CONTACTS) ผู้เล่น 2 คนหรือ 3 คนอาจถูกลูกบอลพร้อมๆกันได้ในเวลาเดียวกัน10.1.2.1 เมื่อผู้เล่นทีมเดียวกัน 2 คน (3 คน) ถูกบอลพร้อมๆกัน จะถือว่าเป็นการถูกบอล 2 ครั้ง (3 ครั้ง) ยกเว้นเมื่อทำการสกัดกั้น ถ้าผู้เล่นหลายคนถึงลูกบอลพร้อมกัน แต่มีผู้เล่นถูกลูกบอลเพียงคนเดียว จะถือว่าถูกลูกบอล 1 ครั้ง ถึงแม้ว่าผู้เล่นชนกันก็ไม่ถือว่าผิดกติกา10.1.2.2 เมื่อทั้งสองทีมถูกลูกบอลพร้อมๆกันเหนือตาข่าย และยังเล่นลูกบอลนั้นต่อไปได้ ทีมรับที่รับลูกนั้นสามารถถูกลูกบอลได้อีก 3 ครั้ง ถ้าลูกบอลออกนอกสนาม จะถือว่าทีมที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับลูกบอลเป็นฝ่ายทำลูกบอลออกนอกสนาม10.1.2.3 ถ้าการถูกลูกบอลพร้อม ๆ กันทั้งสองทีมเป็นการจับลูก (CATCH) จะถือว่าผิดกติกาทั้งสองทีม และต้องเล่นลูกนั้นใหม่ 10.1.3 การเล่นลุกบอลโดยมีกาช่วยเหลือ (ASSISTED HIT) ภายในบริเวณพื้นที่เล่น ไม่อนุญาตให้ผู้เล่นอาศัยเพื่อนร่วมทีมหรือสิ่งใด ๆ ช่วยให้ไปถึงลูกบอลได้ อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นที่กำลังจะทำผิดกติกา(โดยกำลังจะถูกตาข่ายหรือเส้นขั้นเขตแดน) อาจถูกฉุดหรือดึงโดยเพื่อนร่วมทีมได้10.2 การถูกลูกบอลในลักษณะต่าง ๆ (CHARACTERISTICS OF THE HIT)10.2.1 ลูกบอลอาจถูกส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายได้10.2.2 การถูกลูกบอลต้องเป็นการกระทบ ไม่ใช่จับหรือโยน ลูกบอลจะสะท้อนกลับในทิศทางใดก็ได้10.2.3 ลูกบอลอาจถูกหลายส่วนของร่างกายได้ ถ้าการถูกนั้นเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน10.2.3.1 ในการสกกัดกั้น ลูกบอลอาจถูกผู้สกัดกั้นคนเดียวหรือมากกว่าติดต่อกันได้ ถ้าการถูกลูกบอลเป็นลักษณะการเล่นลูกบอลเพียงครั้งเดียว10.2.3.2 การถูกลูกบอลครั้งแรกของทีม ลูกบอลอาจถูกส่วนต่าง ๆ ของร่างกายต่อเนื่องกันได้ ถ้าการถูกลูกบอลเป็นลักษณะการเล่นลูกครั้งเดียว10.3 การทำผิดกติกาในการเล่นลูกบอล (FAULT IN PLATING THR BALL)10.3.1 การถูกลูกบอล 4 ครั้ง ทีมถูกลูกบอล 4 ครั้งก่อนส่งลูกบอลไปยังทีมตรงข้าม10.3.2 การถูกลูกบอลโดยมีการช่วยเหลือ ผู้เล่นอาศัยเพื่อนร่วมทีมหรือสิ่งของใด ๆ ช่วยให้เข้าถึงลูกบอลภายในบริเวณพื้นที่เล่นลูก10.3.3 การจับลูกบอล ผู้เล่นไม่ได้กระทบลูกแต่จับและ / หรือโยนลูกบอล10.3.4 การถูกลูกบอลติดต่อกัน 2 ครั้ง ผู้เล่นถูกลูกบอล 2 ครั้ง หรือถูกส่วนต่าง ๆ ของร่างกายในการเล่นลูก 1ครั้ง
กติกาข้อที่ 11 ลูกบอลที่บริเวณตาข่าย (BALL AT THE NET)
11.1 การข้ามตาข่ายของลูกบอล (BALL CROSSING THE NET)11.1.1 ลูกบอลที่ส่งไปยังทีมตรงข้าม ต้องข้ามเหนือตาข่ายภายในพื้นที่สำหรับข้ามตาข่าย พื้นที่สำหรับข้ามตาข่ายคือ พื้นที่ในแนวตั้งของตาข่ายที่ถูกกำหนดด้วยสิ่งต่อไปนี้11.1.1.1 ส่วนต่ำสุด โดยขอบบนของตาข่าย11.1.1.2 ด้านข้าง โดยมีเสาอากาศและแนวสมมุติที่สูงขึ้นไป11.1.1.3 ส่วนบนสุด โดยเพดาน11.1.2 ลูกบอลที่ข้ามแนวตาข่ายไปยังเขตรอบสนามของทีมตรงข้ามโดยทุกส่วนของลูกบอล หรือเพียงบางส่วนของลูกบอลอยู่นอกแนวข้ามตาข่าย ลูกบอลอาจกลับมาเล่นต่อได้โดยเล่นลูกไม่เกิน 3 ครั้ง ถ้า11.1.2.1 ผู้เล่นไม่ถูกแดนของทีมตรงข้าม11.1.2.2 ลูกบอลที่เล่นกันมา ข้ามนอกเขตข้ามตาข่ายลูกบอล ทางด้านเดียวกันของสนามทั้งลูกหรือเพียงบางส่วนของลูก ทีมตรงข้ามจะกีดขวางการเล่นลูกนี้ไม่ได้11.2 การถูกตาข่ายของลูกบอล (BALL TOUCHING THE NET)ลูกบอลอาจถูกตาข่ายได้ขณะที่กำลังข้ามตาข่าย11.3 ลูกบอลที่ชนตาข่าย (BALL IN THE NET)11.3.1 ลูกบอลที่พุ่งชนตาข่ายยังเล่นต่อไปได้จนครบ 3 ครั้ง ตามกำหนดการเล่นลูก11.3.2 ถ้าลูกบอลทำให้ลูกบอลทำให้ตาข่ายฉีกขาด หรือทำให้ตาข่ายหลุดให้ยกเลิกการเล่นลูกครั้งนั้นและนำมาเล่นกันใหม่
กติกาข้อที่ 12 ผู้เล่นบริเวณตาข่าย (PLAYER AT THE NET)
12.1 การล้ำเหนือตาข่าย (REACHING BEYOND THE NET)12.1.1 ในการสกัดกั้น ผู้สกัดกั้นอาจล้ำตาข่ายเข้าไปถูกลูกบอลได้ถ้าไม่กีดขวางการเล่นลูกของทีมตรงกันข้าม คือไม่ถูกลูกก่อนหรือไม่ถูกลูกขณะที่ทีมตรงกันข้ามทำการรุก12.1.2 ภายหลังการตบลูกบอล มือของผู้เล่นอาจล้ำตาข่ายได้ ถ้าขณะถูกลูกเป็นการถูกลูกบอลในแดนของทีมของตนเอง12.2 การล้ำใต้ตาข่าย (PENETRATION UNDER THE NET)12.2.1 อนุญาตให้ล้ำเข้าไปในแดนของทีมตรงข้ามใต้ตาข่ายได้ ถ้าไม่ขัดขวางการเล่นของทีมตรงข้าม12.2.2 การล้ำเส้นแบ่งแดนเข้าไปในแดขของทีมตรงข้าม12.2.2.1 อนุญาตให้เท้าหรือมือข้างเดียว (2 ข้าง) ถูกแดนของทีมตรงข้ามได้ ถ้าส่วนใดส่วนหนึ่งของเท้าหรือมือยังคงแตะ หรืออยู่เหนือเส้นแบ่งแดน12.2.2.2 ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายจะถูกแดนของทีมตรงข้ามไม่ได้12.2.3 ผู้เล่นอาจเข้าไปในแดนของทีมตรงข้ามได้หลังจากลูกตายแล้ว12.2.4 ผู้เล่นอาจล้ำเข้าไปในเขตรอบสนามของทีมตรงกันข้ามได้ ถ้าไม่กีดขวางการเล่นของทีมตรงกันข้าม12.3 การถูกตาข่าย (CONTACT WITH THE NET)12.3.1 การถูกตาข่ายหรือเสาอากาศไม่ผิดกติกา เว้นแต่เมื่ออยู่ในลักษณะเล่นลูกหรือกีดขวางการเล่น การเล่นลูกบางลักษณะอาจรวมถึงลักษณะที่ผู้เล่นไม่ได้ถูกลูกบอลในขณะนั้นด้วย12.3.2 เมื่อผู้เล่นได้เล่นลูกบอลไปแล้ว ผู้เล่นอาจถูกเสาเชือก หรือสิ่งใด ๆ ที่อยู่นอกระยะความยาวของตาข่ายได้ ถ้าไม่กีดขวางการเล่น12.3.3 ถ้าลูกบอลที่พุ่งชนตาข่ายทำให้ตาข่ายไปถูกผู้เล่นทีมตรงข้ามไม่ถือว่าผิดกติกา12.4 การผิดกติกาของผู้เล่นที่ตาข่าย (PLAYERS’ FAULTS AT THE NET)12.4.1 ผู้เล่นถูกลูกบอลหรือถูกผู้เล่นทีมตรงข้าม ในแดนของทีมตรงกันข้าม หรือระหว่างที่ทีมตรงกันข้ามทำการรุก12.4.2 ผู้เล่นล้ำเข้าไปในที่ว่างใต้ตาข่ายของทีมตรงข้ามและกีดขวางการเล่นของทีมตรงข้าม12.4.3 ผู้เล่นล้ำเข้าไปในแดนของทีมตรงข้าม12.4.4 ผู้เล่นถูกตาข่าย หรือเสาอากาศขณะอยู่ในลักษณะของการเล่นลูก หรือกีดขวางการเล่น
กติกาข้อที่ 13 การเสิร์ฟ (SERVICE)
การเสิร์ฟ เป็นการนำลูกเข้าสู่การเล่น โดยผู้เล่นตำแหน่งหลังขวาที่ยืนอยู่ในเขตเสิร์ฟ13.1 การเสิร์ฟครั้งแรกในแต่ละเซต (FIRST SERVICE IN A SET)13.1.1 ทีมใดจะได้เสิร์ฟลูกแรกในเซตที่ 1 และเซตตัดสิน (เซต 5) มีผลมาจากการตัดสินใจของทีมเมื่อทำการเสี่ยง13.1.2 ในเซตอื่น ๆทีมที่ไม่ได้เสิร์ฟลูกแรกในเซตที่ผ่านมาจะเป็นทีมที่ทำการเสิร์ฟลูกแรก13.2 ลำดับการเสิร์ฟ (SERVICE ORDER)13.2.1 ลำดับการเสิร์ฟของผู้เล่นต้องเป็นไปตามที่บันทึกไว้ในใบส่งตำแหน่ง13.2.2 หลังจากากรเสิร์ฟครั้งแรกในแต่ละเซตผู้เล่นที่เสิร์ฟครั้งต่อไปจะเป็นดังนี้13.2.2.1 เมื่อฝ่ายเสิร์ฟชนะการเล่นลูกนั้น ผู้ที่ทำการเสิร์ฟอยู่แล้ว (หรือผู้เล่นสำรองเปลี่ยนตัวเข้ามาแทน) จะทำการเสิร์ฟต่อไปอีก13.2.2.2 เมื่อฝ่ายรับลูกเสิร์ฟชนะในการเล่นลูกนั้นจะได้สิทธ์ทำการเสิร์ฟและต้องหมุนตำแหน่งก่อนทำการเสิร์ฟ ผู้เล่นที่หมุนจากตำแหน่งหน้าขวาไปยังหลังขวาจะเป็นผู้เสิร์ฟ13.3 การอนุญาตให้เสิร์ฟ (AUTHORIZATION OF THE SERVICE)ผู้ตัดสินที่ 1 เป็นผู้อนุญาตให้เสิร์ฟ หลังจากการตรวจดูว่าทั้งสองทีมพร้อมแข่งขัน และผู้เสิร์ฟถือลูกบอลไว้แล้ว13.4 การปฏิบัติในการเสิร์ฟ (EXECUTION OF THE SERVICE)13.4.1 หลังจากผู้เสิร์ฟโยนหรือปล่อยลูกบอลออกจากมือแล้วจะเสิร์ฟด้วยมือหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของแขนเพียงข้างเดียว13.4.2 อนุญาตให้ทำการโยนลูกบอลเพื่อทำการเสิร์ฟเพียงครั้งเดียว แต่อนุญาตให้เดาะหรือเคลื่อนไหวลูกบอลในมือได้13.4.3 ขณะทำการเสิร์ฟหรือกระโดดเสิร์ฟ ผู้เสิร์ฟต้องไมถูกพื้นที่เขตสนาม (รวมทั้งเส้นหลังด้วย) หรือพื้นที่นอกเขตเสิร์ฟหลังจากทำการเสิร์ฟแล้ว ผู้เสิร์ฟจึงสามารถเหยียบหรือถูกพื้นนอกเขตเสิร์ฟและพื้นในเขตสนามได้13.4.4 ผู้เสิร์ฟต้องทำการเสิร์ฟลูกภายใน 8 นาที หลังจาก ผู้ตัดสินที่ 1 เป่านกหวีดให้ทำการเสิร์ฟ13.4.5 การเสิร์ฟก่อนสัญญาณนกหวีดของผู้ตัดสิน ต้องยกเลิกและให้ทำการเสิร์ฟใหม่13.5 การกำบัง (SCREENING)13.5.1 ผู้เล่นของทีมที่กำลังจะทำการเสิร์ฟ คนเดียวหรือหลายคนก็ตามไม่บังทีมตรงข้ามเพื่อมิให้มองเห็นผู้เสิร์ฟเคลื่อนไหวแขน กระโดด หรือเคลื่อนที่ไปข้าง ๆ ขณะที่กำลังทำการเสิร์ฟ เพื่อบังทิศทางที่ลูกบอลพุ่งไป จะถือว่าเป็นการกำบัง13.6 การกระทำผิดระหว่างทำการเสิร์ฟ (FAULTS MADE DURING THE SEERVIC)13.6.1 การเสิร์ฟที่ผิดกติกา การผิดกติกาต่อไปนี้จะต้องเปลี่ยนเสิร์ฟ ถึงแม้ว่าทีมตรงข้ามจะผิดตำแหน่ง13.6.1.1 ทำการเสิร์ฟผิดลำดับการเสิร์ฟ13.6.1.1 ทำการเสิร์ฟไม่ถูกต้อง13.6.2 การผิดกติกาหลังจากการเสิร์ฟลูกบอลออกไปอย่างถูกต้องแล้ว การเสิร์ฟนั้นอาจผิดกติกาได้13.62.1 ถ้าลูกบอลถูกผู้เล่นของทีมที่ทำการเสิร์ฟหรือไม่ผ่านพื้นที่ว่างเหนือตาข่ายอย่างสมบูรณ์13.6.2.2 ลูก “ออก” กติกาข้อ 9.4 13.6.2.3 ลูกบอลผ่านเหนือการกำบัง13.7 การผิดกติกาหลังจากการเสิร์ฟและการผิดตำแหน่ง(FAULTS MADE AFTER THE SERVICE AND POSITIONAL FAULT)13.7.1 ถ้าผู้เสิร์ฟทำการเสิร์ฟผิดกติกา (ทำการเสิร์ฟไม่ถูกต้อง หรือ ผิดลำดับการเสิร์ฟเป็นต้น) และทีมตรงข้ามผิดตำแหน่งการเสิร์ฟผิดกติกาจะถูกทำโทษ13.7.1 ถ้าการเสิร์ฟกระทำอย่างถูกต้อง แต่ผิดพลาดในเวลาต่อมา (ลูกออก หรือ ผ่านการกำบังเป็นต้น) จะถือว่าการผิดตำแหน่งเกิดขึ้นก่อน และจะทำโทษการผิดตำแหน่ง
กติกาข้อที่ 14 การรุก (ATTACK HIT)
14.1 การรุก (ATTACK HIT)14.1.1 การกระทำใด ๆ ที่ส่งลูกบอลไปยังทีมตรงข้ามยกเว้นการเสิร์ฟและการสกัดกั้น ถือว่าเป็นการรุก14.1.2 ขณะทำการรุก อนุญาตให้ใช้ปลายนิ้วเล่นลูกได้ถ้าการถูกลูกเป็นไปอย่างชัดเจน และไม่ได้ใช้ฝ่ามือจับหรือโยนลูกบอลออกไป14.1.2 การรุกจะสมบูรณ์เมื่อลูกได้ข้ามแนวดิ่งของตาข่ายไป แล้วทั้งลูกหรือเมื่อทีมตรงข้ามถูกลูก14.2 ข้อกำจัดของการรุก (RESTRICTIONS OF THE ATTACK HIT)14.2.1 ผู้เล่นแถวหน้าสามารถทำการรุกที่ระดับความสูงเท่าใดก็ได้ ถ้าการถูกลูกบอลอยู่ภายในแดนของผู้เล่นเอง14.2.2 ผู้เล่นแถวหลังสามารถทำการรุกที่ระดับความสูงเท่าใดก็ได้ จากหลังเขตรุก14.2.2.1 ขณะกระโดด เท้าข้างหนึ่ง (ทั้งสองข้าง) ต้องไม่แตะหรือข้ามเส้นรุก14.2.2.2 หลังจากตบลูกแล้ว จึงจะลงยืนในเขตรุกได้14.2.3 ผู้เล่นแถวหลังสามารถทำการรุกในเขตรุกได้ ถ้าถูกลูกบอลในขณะที่ทุกส่วนของลูกบอลไม่อยู่เหนือกว่าขอบบนสุดของตาข่าย14.2.4 ไม่อนุญาตให้ผู้เล่นทุกคนตบลูกบอลที่ทีมตรงข้ามเสิร์ฟมา เมื่อลูกบอลอยู่ในเขตรุก และลูกบอลอยู่ในเขตรุก และลูกบอลทั้งลูกอยู่เหนือขอบบนสุดของตาข่าย14.3 การรุกที่ผิดกติกา (FAULTS OF THE ATTACK HIT)14.3.1 ถ้าลูกบอลในแดนขิงทีมตรงข้าม14.3.2 ตบลูกออกนอกเขตสนาม14.3.3 ผู้เล่นแถวหลังทำการรุกในเขตรุก ขณะที่ลูกบอลอยู่เหนือขอบบนสุดของตาข่ายทั้งลูก14.3.4 ตบลูกบอลที่ทีมตรงข้ามเสิร์ฟมา ขณะที่ลูกบอลอยู่ในเขตรุกและอยู่เหนือขอบบนสุดของตาข่ายทั้งลูก14.3.5 ตัวรับอิสระทำการรุก โดยขณะถูกลูกบอล ลูกบอลทั้งลูกอยู่เหนือขอบบนสุดของตาข่าย14.3.6 ผู้เล่นทำการรุกขณะลูกบอลอยู่เหนือขอบบนสุดของตาข่าย โดยตัวรับอิสระที่อยู่ในแดนหน้าเป็นผู้ใช้นิ้วส่งลูกบอลมาให้ด้วยการเล่นลูกบนมือบน
กติกาข้อที่ 15 การสกัดกั้น (BLOCK)
15.1 การสกัดกั้น (BLOCK)15.1.1 การสกัดกั้นคือ การเล่นของผู้เล่นที่อยู่ชิดตาข่ายเพื่อป้องกันลูกบอลที่จะมาจากทีมตรงข้าม โดยเอื้อมมือสูงกว่าระดับสูงสุดของตาข่ายผู้เล่นแถวหน้าเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ทำการสกัดกั้นได้15.1.2 ความพยายามที่จะสกัดกั้น คือลักษณะของการทำการสกัดกั้นแต่ไม่ถูกลูกบอล15.1.3 การสกัดกั้นที่สมบูรณ์ คือการสกัดกั้นที่สมบูรณ์ คือการสกัดกั้นที่ผู้สกัดกั้นถูกลูกบอล15.1.4 การสกัดกั้นเป็นกลุ่ม คือการสกัดกั้นโดยผู้เล่นสองหรือสามคนที่อยู่ใกล้ ๆ กัน การสกัดกั้นจะสมบูรณ์เมื่อผู้เล่นคนใดคนหนึ่งถูกลูกบอล15.2 การถูกลูกบอลขณะทำการสกัดกั้น (BLOCK CONTACT)การถูกลูกบอลหลายครั้ง (อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง) โดยผู้สกัดกั้นคนเดียวหรือมากกว่าอาจเกิดขึ้นได้ ถ้าการถูกลูกนั้นเป็นลักษณะทำการสกัดกั้นเพียงครั้งเดียว15.3 การสกัดกั้นในแดนของทีมตรงข้าม (BLOCKING WITHIN THE OPPONENT’S SPACE)ในการสกัดกั้น ผู้เล่นยื่นมือแขนล้ำตาข่ายได้ ถ้าไม่กีดขวางการเล่นของทีมตรงข้าม การสกัดกั้นจะถูกลูกบอลในแดนของทีมตรงข้ามไม่ได้ จนกว่าทีมตรงข้ามจะถูกลูกเพื่อทำการรุกแล้ว15.4 การสกัดกั้นและการถูกลูกบอลของทีม (BLOCK AND TEAM HITS)15.4.1 การถูกลูกบอลโดยการสกัดกั้น ไม่นับเป็นการถูกลูกบอลของทีม หลังจากถูกลูกบอลโดยการสกัดกั้นแล้ว ทีมนั้นยังถูกลูกบอลได้อีก 3 ครั้ง เพื่อส่งลูกกลับไปยังทีมตรงข้าม15.4.2 หลังจากทำการสกัดกั้น ผู้ถูกลูกแรกจะเป็นผู้เล่นคนใดคนหนึ่งรวมทั้งผู้เล่นที่ถูกลูกบอลในการสกัดกั้นด้วยก็ได้15.5 การสกัดกั้นลูกเสิร์ฟ (BLOCKING THE SERVICE)ห้ามสกัดกั้นลูกบอลที่ทีมตรงข้ามเสิร์ฟมา15.6 การสกัดกั้นที่ผิดกติกา (BLOCKING FAULT)15.6.1 ผู้สกัดกั้นถูกลูกบอลในแดนของทีมตรงข้ามก่อนหรือพร้อมกับการถูกลูกเพื่อทำการรุกของทีมตรงข้าม15.6.2 ผู้เล่นแถวหลังหรือตัวรับอิสระ ทำการสกัดกั้นหรือรวมกลุ่มทำการสกัดกั้นโดยสมบูรณ์15.6.3 สกัดกั้นลูกเสิร์ฟของทีมตรงข้าม15.6.4 ลูกบอลถูกสกัดกั้นแล้วออกนอกเขตสนาม15.6.5 สกัดกั้นลูกบอลด้านนอกเสาอากาศในแดนของทีมตรงข้าม15.6.6 ตัวรัยอิสระพยายามทำการสกัดกั้นด้วยตัวเองหรือรวมกับผู้เล่นอื่น
บทที่ 5การหยุดการแข่งขันและการถ่วงเวลา(INTERRUPTION AND DELATS)กติกาข้อที่ 16 การหยุดการแข่งขันตามกติกา (REGULAR GAME INTERRUPTION)
การหยุดการแข่งขันตามกติกา ได้แก่ การขอเวลานอกและการเปลี่ยนตัว16.1 จำนวนครั้งของการขอหยุดการแข่งขันตามกติกา (NUMBER OF REGULAR INTERRUPTIONS)แต่ละทีมของเวลานอกได้อย่างมากที่สุด 2 ครั้ง และเปลี่ยนตัวผู้เล่นได้ 6 คนต่อเซต16.2 การขอหยุดการแข่งขันตามกติกา (REQUEST FOR REGULAR INTERRUPTIONS)16.2.1 ผู้ฝึกสอนหรือหัวหน้าทีมที่ลงแข่งขันเท่านั้นที่ขอหยุดการแข่งขันได้ การขอหยุดการแข่งขันได้ การขอหยุดการแข่งขันกระทำโดยแสดงสัญญาณมือเมื่อลูกตาย และก่อนสัญญาณนกหวีดทำการเสิร์ฟ16.2.2 การขอเปลี่ยนตัวก่อนเริ่มการแข่งขันของเซตสามารถทำได้ และต้องบันทึกไว้เหมือนกับการขอเปลี่ยนตัวปกติในเซตนั้น16.3 ลำดับการขอหยุดการแข่งขัน (SEQUENCE OF INTERRUPTION)16.3.1 ทีมที่สามารถขอเวลานอกหนึ่งหรือสองครั้งติดต่อกันได้และตามด้วยการขอเปลี่ยนตัวได้อีกด้วย โดยไม่ต้องรอให้มีการแข่งขันแทรกระหว่างการขอหยุดการแข่งขันแต่ละครั้ง16.3.2 ไม่อนุญาตให้ทีมขอเปลี่ยนตัวสองครั้งติดต่อกัน เว้นเสียแต่ว่ามีการแข่งขันเกิดขึ้นหลังจากการขอเปลี่ยนตัวครั้งแรกแล้วจึงขอเปลี่ยนตัวครั้งต่อไปได้ การเปลี่ยนตัวแต่ละครั้งจะเปลี่ยนครั้งละสองคนหรือมากว่าก็ได้16.4 เวลานอกปกติและเวลานอกทางเทคนิค (TIME-OUTS AND TECHNICAL TIME-OUTS)16.4.1 การขอเวลานอกแต่ละครั้งมีเวลา 30 วินาที สำหรับการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ระหว่างเซตที่ 1 ถึง 4 เมื่อทีมใดนำไปถึงคะแนนที่ 8 และคะแนนที่ 16 ในแต่ละเซต จะให้เวลานอกทางเทคนิคโดยอัตโนมัติครั้งละ 60 วินาที ในเซตตัดสิน (เซตที่ 5) ไม่มีการให้เวลานอกทางเทคนิคแต่ละทีมขอเวลานอกตามปกติได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 30 วินาที16.4.2 ระหว่างการขอเวลานอกทุกแบบ ผู้เล่นในสนามแข่งขันต้องออกไปอยู่เขตรอบสนามใกล้ม้านั่ง16.5 การเปลี่ยนตัวผู้เล่น (PLAYER SUBSTITUTION)16.5.1 การเปลี่ยนตัวต้อวกระทำภายในเขตเปลี่ยนตัว16.5.2 การเปลี่ยนตัวจะใช้เวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อบันทึกการขางขันและให้ผู้เล่นเข้าและออกจากสนามเท่านั้น16.5.3 ขณะขอเปลี่ยนตัวผู้เล่นที่จะเปลี่ยนตัวต้องพร้อมจะเข้าสนามใกล้กับเขตเปลี่ยนตัว ถ้าผู้เล่นไม่พร้อมตามที่กล่าวข้างต้น จะไม่ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนตัว และทีมจะถูกทำโทษถ่วงเวลา สำหรับการแข่งขันรับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการ จะใช้ป้ายหมายเลขช่วยในการเปลี่ยนตัว16.5.4 ถ้าทีมตั้งใจเปลี่ยนตัวมากกว่า 1 คน จะต้องให้สัญญาณบอกจำนวนในขณะขอเปลี่ยนตัว และในกรณีนี้ต้องทำการเปลี่ยนตัวให้เสร็จสิ้นทีละคู่ ตามลำดับ16.6 การขอหยุดการแข่งขันที่ผิดปกติ (IMPROPER REQUESTS)16.6.1 การขอหยุดการแข่งขันต่อไปนี้เป็นการกระทำที่ผิดกติกา16.6.1.1 ระหว่างการเล่นกำลังดำเนินอยู่ หรือขณะกำลังให้สัญญาณทำการเสิร์ฟแล้ว16.6.1.2 โดยผู้ร่วมทีมที่ไม่ได้รับมอบอำนาจ16.6.1.3 ขอเปลี่ยนตัวครั้งที่ 2 โดยยังไม่ได้ดำเนินการแข่งขันหลังจากเปลี่ยนตัวครั้งแรกไปแล้ว16.6.1.4 หลังจากจำนวนครั้งที่ขอเวลานอกการขอเปลี่ยนตัวได้ใช้ไปหมดแล้ว16.6.2 การขอหยุดการแข่งขันที่ผิดกติกาครั้งแรกที่ไม่มีผลกระทบหรือทำให้การแข่งขันล่าช้า จะได้รับการปฏิเสธโดยไม่มีการทำโทษใด ๆ 16.6.3 การขอหยุดการแข่งขันที่ผิดกติกาซ้ำอีกในการแข่งขันนัดนั้น ถือว่าเป็นการถ่วง
กติกาข้อที่ 17 การถ่วงเวลาการแข่งขัน (GAME DELAYS)
17.1 ชนิดของการถ่วงเวลาการแข่งขัน (TYPES OF DELATS)การกระทำใด ๆ ของทีมที่เป็นเหตุให้การแข่งขันล่าช้าถือว่าเป็นการถ่วงเวลา ซึ่งประกอบด้วย17.1.1 การเปลี่ยนตัวล่าช้า17.1.2 เมื่อได้รับแจ้งให้เริ่มการแข่งขันแล้ว ยังทำให้การขอหยุดการแข่งขันเนิ่นนานออกไปอีก17.1.3 ขอเปลี่ยนตัวผิดกติกา17.1.4 ขอยุดการแข่งขันผิดปกติซ้ำอีก17.1.5 การถ่วงเวลาการแข่งขันโดยผู้ร่วมมือ17.2 บททำโทษในการถ่วงเวลา (DELAY SANCTIONS)17.2.1 การเตือน (Delay Warning) และการลงเมื่อถ่วงเวลา (Delay penalty) เป็นการทำโทษทีม17.2.1.1 การถูกทำโทษเมื่อถ่วงเวลาจะมีผลต่อเนื่องตลอดการแข่งขันนัดนั้น17.2.1.2 การถูกทำโทษและถูกเตือนเมื่อถ่วงเวลา ต้องบันทึกลงในบันทึกการแข่งขัน17.2.2 การถ่วงเวลาครั้งแรกของทีมในการแข่งขันนัดใดนัดหนึ่ง จะถูกทำโทษด้วยการเตือน (Delay Warning)17.2.3 การถ่วงเวลาครั้งที่ 2 และครั้งต่อ ๆ ไป ในการแข่งขันนัดเดียวกัน ไม่ว่าแบบใด โดยผู้เล่นหรือผู้ร่วมทีมคนใด ถือว่าหระทำผิดกติกาและจะถูกทำโทษให้เป็นฝ่ายแพ้ในการเล่นลูกนั้น17.2.4 การทำโทษเมื่อถ่วงเวลา ก่อนเริ่มต้นเซตหรือระหว่างเซตจะมีผลในเซตถัดไป
กติกาข้อที่ 18 การหยุดการแข่งขันที่ได้รับการยกเว้น ( EXCEPTIONAL GAME INTERRUPTIONS)
18.1 การบาดเจ็บ (INJURY)18.1.1 เมื่อมีอุบัติเหตุร้ายแรงระหว่างการเล่นลูก ผู้ตัดสินต้องหยุดการแข่งขันทันทีและอนุญาตให้พยาบาลลงไปในสนามได้ แล้วให้เล่นลูกนั้นใหม่18.1.2 ถ้าผู้เล่นที่บาดเจ็บไม่สามารถเปลี่ยนตัวได้ตามกติกาหรือตามข้อยกเว้น จะอนุญาตให้ปฐมพยาบาลผู้เล่นนั้นได้ 3 นาที แต่จะทำได้เพียงครั้งเดียวในการแข่งขันนัดนั้น สำหรับผู้เล่นคนเดิม ถ้าพยาบาลแล้วยังเล่นต่อไปไม่ได้จะถือว่าทีมนั้นไม่พร้อมทำการแข่งขัน18.2 เหตุขัดข้องนอกเหนือกติกาการแข่งขัน (EXTERNAL INTERFERENCE)ถ้ามีเขตขัดข้อง นอกเหนือกติกาเกิดขึ้นระหว่างแข่งขันจะต้องหยุดการแข่งขันไว้และให้เล่นลูกนั้นใหม่18.3 เหตุขัดข้องเป็นเวลายาวนาน (PROLONGED INTERRUPTIONS)18.3.1 ถ้ามีเหตุไม่คาดฝันทำให้การแข่งขันหยุดลง ผู้ตัดสินที่ 1 ฝ่ายจัดการแข่งขัน และคณะกรรมการควบคุมการแข่งขันจะร่วมกันตัดสินใจให้การแข่งขันดำเนินต่อไปตามปกติ18.3.2 ถ้าต้องหยุดการแข่งขันครั้งเดียวหรือหลายครั้ง แต่รวมแล้วไม่เกิน 4 ชั่วโมง18.3.2.1 ถ้าทำการแข่งขันใหม่ในสนามแข่งขันเดิมเซตที่หยุดการแข่งขันการแข่งขันไปจะถูกนำกลับมาแข่งขันตามปกติโดยใช้คะแนนผู้เล่นและตำแหน่งเดิม ผลการแข่งขันของเซตที่ผ่านไปแล้ว ยังมีผลเหมือนเดิม18.3.2.2 ถ้าทำการแข่งขันใหม่ในสนามอื่นให้ยกเลิกผลการแข่งขันในเซตที่หยุดการแข่งขัน แล้วเริ่มต้นเริ่มใหม่ตามตำแหน่งเดิม ผลการแข่งขันของเซตที่ผ่านไปแล้งยังมีผลเหมือนเดิม18.3.3 ถ้าต้องหยุดการแข่งขันครั้งเดียวหรือหลาย ๆ ครั้งรวมกันแล้วเกิน 4 ชั่วโมง จะต้องทำการแข่งขันนัดนั้นใหม่ทั้งหมด
กติกาข้อที่ 19 การหยุดพักและการเปลี่ยนแดน(INTERVALS AND CHANGE OF COURTS)
19.1 การหยุดพักระหว่างเซต (INTERVALS)การหยุดพักระหว่างเซตจะพักเซตละ 3 นาที ระหว่างการหยุดพักนี้ จะทำการเปลี่ยนแดนและบันทึกตำแหน่งเริ่มแข่งขันลงในใบบันทึกผลการแข่งขัน การหยุดพักระหว่างเซตที่ 2 และเซตที่ 3 อาจขยายเวลาพักเป็น 10 นาทีได้ ตามคำขอของเจ้าภาพต่อคณะกรรมการควบคุมการแข่งขัน ย่อหน้าที่ 3 เพิ่มเติมจากกติกาเดิม19.2 การเปลี่ยนแดน (CHANGE OF COURTS)19.2.1 เมื่อเสร็จสิ้นการแข่งขันแต่ละเซต ทั้งสองทีมจะเปลี่ยนแดน ยกเว้นเซตตัดสิน19.2.2 ในเซตตัดสิน เมื่อทีมใดทำได้ 8 คะแนน จะทำการเปลี่ยนแดนทันที และตำแหน่งของผู้เล่นให้เป็นไปตามเดิมถ้าไม่ได้เปลี่ยนแดนเมื่อทีมที่นำอยู่ได้คะแนนที่ 8 จะต้องทำการเปลี่ยนแดนทันทีที่พบข้อผิดพลาด ส่วนคะแนนให้เป็นไปตามเดิม
บทที่ 6 ตัวรับอิสระ(THE LIBERO PLATER)กติกาข้อที่ 20 ตัวรับอิสระ (THE LIBERO PLAYER)
20.1 การแต่งตั้งตัวรับอิสระ (DESIGNATION OF THE LIBERO)20.1.1 แต่ละทีมมีสิทธ์แต่งตั้งตัวรับอิสระที่รับลูกบอลได้ดีเป็นพิเศษ 1 คน จากผู้เล่นที่ส่งรายชื่อ 12 คนสุดท้าย20.1.2 ก่อนเริมการแข่งขันต้องบันทึกตัวรับอิสระในใบบันทึกการแข่งขัน ที่บรรทัดซึ่งจัดไว้เป็นพิเศษสำหับการนี้ และต้องระบุหมายเลขลงในใบส่งตำแหน่งเซตที่ 120.1.3 ตัวรับอิสระจะเป็นหัวหน้าทีม (TEAM CAPTAIN) หรือหัวหน้าทีมขณะแข่งขัน (GAME CAPTAIN) ไม่ได้20.2 เครื่องแต่งกาย (EQUIPMENT)ตัวรับอิสระต้องสวมชุดแข่งขัน (หรือเสื้อที่ออกแบบพิเศษสำหรับตัวรับอิสระ) อย่างน้อยที่สุดสีเสื้อต้องแตกต่างจากเพื่อนร่วมทีมแบบชุดแข่งขันของตัวรับอิสระอาจแตกต่างจากคนอื่น แต่แบบของหมายเลขบนชุดแข่งขันต้องเหมือนกับของเพื่อนร่วมทีม20.3 ลักษณะการเล่นที่เกี่ยวข้องกับตัวรับอิสระ (ACTIONS INVOLVING THE LIBCERO)20.3.1 ลักษณะการเล่น20.3.1.1 ตัวรับอิสระจะแทนผู้เล่นแดนหลังคนใดก็ได้20.3.1.2 ตัวรับอิสระถูกกำหนดให้ทำหน้าที่เหมือนกับผู้เล่นแดนหลังคนหนึ่ง ไม่อนุญาตให้ทำการรุกอย่างสมบูรณ์ไม่ว่าจากจุดใดของสนาม (ทั้งภายในสนามแข่งขันและเขตเล่นลูก) ถ้าถูกลูกบอลในขณะที่ทุกส่วนของลูกบอล อยู่สูงกว่าขอบบนสุดของตาข่าย20.3.1.3 ตัวรับอิสระจะทำการเสิร์ฟ สกัดกั้นหรือพยายามทำการสกัดกั้นไม่ได้20.3.1.4 ขณะที่ตัวรับอิสระอยู่ในแดนหน้าแล้ว ใช้นิ้วเล่นลูกมือบนส่งลูกบอลมาให้เพื่อนร่วมทีมจะทำการ รุกลูกบอลที่อยู่สูงกว่าขอบบนของตาข่ายไม่ได้ แต่ถ้าตัวรับอิสระส่งลูกในลักษณะเดียวกันมาจากแดนหลัง เพื่อนร่วมทีมที่สามารถทำการรุกได้อย่างเสรี20.3.2 การเปลี่ยนตัว20.3.2.1 การเปลี่ยนตัวที่เกี่ยวข้องกับตัวรับอิสระไม่นับจำนวนครั้งเหมือนกับการเปลี่ยนตัวตามปกติ กติกาข้อ 8ไม่จำกัดจำนวนครั้งในการเปลี่ยนตัวแต่ต้องมีการเล่นลูกคั่นหนึ่งครั้งก่อนการเปลี่ยนตัวของตัวรับอิสระครั้งต่อไป ตัวรับอิสระสามารถเปลี่ยนตัวได้กับผู้เล่นที่ตัวรับอิสระลงไปเปลี่ยนตัวด้วยเท่านั้น20.3.2.2 การเปลี่ยนตัวทำได้ในขณะที่ลูกตายและก่อนสัญญาณนกหวีดให้ทำการเสิร์ฟเท่านั้น20.3.2.3 การเปลี่ยนตัวภายหลังสัญญาณนกหวีดให้ทำการเสิร์ฟ แต่ก่อนที่ผู้เสิร์ฟจะทำการเสิร์ฟ ผู้ตัดสินไม่ควรปฏิเสธ แต่ต้องตักเตือนด้วยวาจาภายหลังจากการเล่นลูกครั้งนั้นเสร็จสิ้นลงการเปลี่ยนตัวล่าช้าครั้งต่อ ๆ ไปต้องถูกทำโทษในการถ่วงเวลา20.3.2.4 ตัวรับอิสระและผู้เล่นที่เปลี่ยนตัวแทนกันจะเข้าและออกจากสนามได้ที่เส้นข้างตรงหน้าม้านั่งของทีมตนเองระหว่างเส้นรุกถึงเส้นท้ายสนาม20.3.3 การแต่งตั้งตัวรับอิสระใหม่20.3.3.1 ถ้าตัวรับอิสระที่ได้รับการแต่งตั้งตัวรับอิสระใหม่ได้ จากผู้เล่นที่ไม่ได้อยู่ในสนามแข่งขัน ขณะขอทำการแต่งตั้งใหม่ และต้องได้รับอนุญาตจากผู้ตัดสินที่ 1 ตัวรับอิสระที่ได้บาดเจ็บจะลงเล่นในนัดนั้นอีกไม่ได้ ผู้เล่นที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวรับอิสระใหม่ต้องทำหน้าที่ตัวรับอิสระตลอดการแข่งขันนัดนั้น20.3.3.2 ถ้ามีการแต่งตั้งตัวรับอิสระใหม่ ต้องบันทึกหมายเลขของผู้เล่นนั้นลงในช่องหมายเหตุของใบบันทึกการแข่งขัน และในส่งตำแหน่งของเซตถัดไป
บทที่ 7ความประพฤติของผู้ร่วมการแข่งขัน(PARTICIPANTS’ CONDUCT)กติกาข้อที่ 21 ความประพฤติที่ต้องการ (REQUIREMENTS OF CONDUCT)
21.1 ความประพฤติของผู้มีน้ำใจนักกีฬา (SPORTMEN LIKE CONDUCT)21.1.1 ผู้ร่วมแข่งขันต้องมีความรู้เรื่อง “กติกาการแข่งขัน” และปฏิบัติตามกติกาที่กำหนด21.1.2 ผู้ร่วมการแข่งขันต้องยอมรับการตัดสินของผู้ตัดสินโดยไม่มีการโต้แย้งด้วยความประพฤติของผู้มีน้ำใจนักกีฬาหากมีข้อสงสัยสามารถขอคำชี้แจ้งจากผู้ตัดสินได้โดยการให้หัวหน้าทีมในสนาม (GAME CAPTAIN) เป็นผู้คำชี้แจ้ง21.1.3 ผู้เข้าร่วมการแข่งขันต้องละเว้นการแสดงท่าทางหรือทัศนคติใด ๆ ที่มุ่งหมายให้มีผลกระทบต่อการตัดสินใจของผู้ตัดสินหรือปกปิดการทำผิดกติกาของทีมตนเอง21.2 การเล่นที่ยุติธรรม (FAIR PLAY)21.2.1 ผู้ร่วมการแข่งขันต้องแสดงความนับถือและความเอื้อเฟื้อทั้งต่อผู้ตัดสิน เจ้าหน้าที่อื่น ๆ คู่แข่งขัน เพื่อร่วมทีมและผู้ชม เพื่อมุ่งให้การแข่งขันเป็นไปอย่างยุติธรรม21.2.2 ระหว่างการแข่งขัน เพื่อนร่วมทีมสามารถให้คำแนะนำได้
กติกาข้อที่ 22 การผิดมารยาทและการลงโทษ(MISCONDUCT AND ITS SANCTIONS)
22.1 การผิดมารยาทที่ไม่รุนแรง (MINOR MISCONDUCT)การผิดมารยาทที่ไม่รุนแรง ไม่ต้องมีการทำโทษ ผู้ตัดสินที่ 1 ต้องทำหน้าที่ป้องกันทีมไม่ให้ผิดมารยาทจนใกล้ระดับของการถูกทำโทษ โดยการเตือนด้วยวาจาหรือสัญญาณมือต่อผู้ที่ทำผิดมารยาทหรือต่อทีมผ่านทางหัวหน้าทีมขณะแข่งขัน (GAME CAPTAIN)การเตือนนี้ไม่ใช่การทำโทษ ไม่นับต่อเนื่องและไม่มีการบันทึกลงในใบบันทึกการแข่งขัน22.2 การผิดมารยาทที่นำไปสู่การทำโทษ (MISCONDUCT LEADING TO SANCTION)การทำผิดมารยาทของผู้เล่นต่อเจ้าหน้าที่ ทีมตรงข้าม เพื่อนรวมทีมหรือผู้ชม แบ่งได้เป็น 3 ระดับ ตามความหนักเบาของความรุนแรง22.2.1 ความหยาบคาย ได้แก่ การกระทำใด ๆ ที่ไม่สุภาพไร้คุณธรรมและแสดงการดูหมิ่น22.2.2 การก้าวร้าว ได้แก่ การสบประมาท ใช้คำพูดหรือท่าทางเป็นการดูถูกเหยียดหยาม22.2.3 การใช้ความรุนแรง ได้แก่ การทำร้ายร่างกายหรือตั้งใจใช้ความรุนแรง22.3 ระดับการลงโทษ (SANCTION SCALE)การลงโทษที่นำมาใช้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ตัดสินและความรุนแรงของการกระทำและต้องบันทึกลงในใบบันทึกการแข่งขันมีดังนี้22.3.1 การลงโทษ (PENALTY) การกระทำที่หยาบคายครั้งแรกในการแข่งขันโดยผู้เล่นคนใดคนหนึ่งของทีม จะถูกลงทาโดยเป็นฝ่ายแพ้ในการเล่นลูกครั้งนั้น22.3.2 การให้ออกจากการแข่งขันในเซตนั้น (EXPULSION)22.3.2.1 ผู้เล่นซึ่งถูกลงโทษให้ออกจาการแข่งขันในเซตนั้นจะลงแข่งขันในเซตนั้นต่อไปอีกไม่ได้ แต่ต้องนั่งอยู่ในพื้นที่ลงโทษ (PENALTY AREA) โดยไม่มีผลอื่นใดตามมา ผู้ฝึกสอนที่ถูกให้ออกจากการแข่งขันไม่มีสิทธิ์ทำหน้าที่ในเซตนั้น และต้องอยู่ในพื้นที่ลงโทษ22.3.2.2 การแสดงความก้าวร้าว (OFFENSIVE CONDUCT) ครั้งแรก โดยผู้ร่วมทีมคนใดคนหนึ่ง จะถูกลงโทษให้ออกจากการแข่งขันในเซตนั้น โดยไม่มีผลอื่นใดตามมา22.3.2.3 การแสดงมารยาทหยาบคายครั้งที่ 2 ในการแข่งขันนัดนั้นโดยผู้เล่นคนเดียวกัน จะถูกลงโทษให้ออกจากการแข่งขันในนัดนั้นโดยไม่มีเหตุผลอื่นใด ตามมา22.3.3 การให้ออกจาการแข่งขันตลอกทั้งนัดนั้น (DISQUALIFICATION)22.3.3.1 ผู้เล่นที่ถูกลงโทษให้ออกจากการแข่งขันตลอดทั้งนัดนั้นต้องออกจากพื้นที่ควบคุมการแข่งขัน (CONPETITION CONTROL AREA) ในส่วนที่เหลืออยู่ของนัดนั้นโดยไม่มีเหตุผลอื่นใดตามมา22.3.3.2 การใช้ความรุนแรงครั้งแรกจะถูกลงโทษให้ออกจากการแข่งขันตลอดทั้งนัดนั้นโดยไม่มีเหตุผลอื่นใดตามมา22.3.3.3 การแสดงความก้าวร้าวครั้งที่ 2 ในการแข่งขันนัดเดียวกัน โดยผู้ร่วมทีมคนเดียวกันจะถูกลงโทษให้ออกจากการแข่งขันตลอดนัดนั้นโดยไม่มีเหตุผลใดตามมา22.3.3.4 การแสดงความหยาบคายครั้งที่ 3 โดยผู้ร่วมทีมคนเดียวกัน จะถูกลงโทษให้ออกจากการแข่งขันที่เหลืออยู่ตลอดการแข่งขันนัดนั้นโดยไม่มีเหตุผลอื่นใดตามมา22.4 การนำการทำโทษไปใช้ (APPLICATION OF MISCONDUCT SANCION)22.4.1 การนำโทษผิดมารยาทเป็นการลงโทษรายบุคคลและมีผลตลอดการแข่งขันนัดนั้น แลละจะถูกบันทึกลงในใบบันทึกรายการแข่งขัน22.4.2 การกระทำผิดมารยาทโดยผู้ร่วมทีมคนเดียวกันในการแข่งขันนัดเดียวกัน จะถูกลงโทษรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ (ผู้กระทำผิดจะถูกทำโทษสูงขึ้นทุกครั้งที่มีการกระทำผิดมารยาทเกิดขึ้นในแต่ละครั้ง)(ตารางระดับการลงโทษผิดมารยาท)22.4.3 การให้ออกจากการแข่งขันเซตนั้น (EXPULSION) ออกจาการแข่งขันนัดนั้น (DISQUALIFICATION) ทำได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องมีการทำโทษใด ๆ มาก่อน แต่ขึ้นอยู่กับการแสดงความก้าวร้าวหรือการใช้ความรุนแรง22.5 การผิดมารยาทก่อนเริ่มต้นเซตและระหว่างเซต (MINCONDUCT BEFORE AND BETWEEN SET)การผิดมารยาทที่เกิดขึ้นก่อนเริ่มต้นเซตหรือระหว่างเซตจะถูกลงโทษตามกติกาข้อ 22.3 และมีผลในเซตถัดไป22.6 บัตรแสดงการทำโทษ (SANCTION CARDS)เตือน ด้วยปากหรือสัญญาณมือ ไม่ใช้บัตรทำโทษ บัตรเหลืองออกจากการแข่งขันเซตนั้น บัตรแดงออกจาการแข่งขันนัดนั้น บัตรเหลืองแดง
ตอนที่ 2ผู้ตัดสิน ความรับผิดชอบ และสัญญาณ ตามกติกาการแข่งขัน(THE REFEREES, THEIR RESPONSIBILITIES AND OFFICIAL SIGNALS)บทที่ 8 ผู้ตัดสิน (REFEREES)กติกาข้อที่ 23 ฝ่ายทำหน้าที่ในการตัดสินและขั้นตอนการปฏิบัติ (REFEREEING CORP AND PROCEDURES)
23.1 องค์ประกอบ (COMPOSITION)ฝ่ายทำหน้าที่ในการตัดสินแต่ละนัด ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ต่อไปนี้- ผู้ตัดสินที่ 1 - ผู้ตัดสินที่ 2 - ผู้บันทึก- ผู้กำกับเส้น 4 คน (หรือ 2 คน)ตำแหน่งในสนามของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวแสดงไว้ในภาพที่ 1 สำหรับการแข่งขันในระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการต้องมีผู้ช่วยผู้บันทึกการแข่งขันด้วย23.2 ขั้นตอนการปฏิบัติหน้าที่ (PROCEDURES)23.2.1 ผู้ตัดสินที่ 1 และผู้ตัดสินที่ 2 เท่านั้นที่สามารถเป่านกหวีดระหว่างการแข่งขันได้23.2.1.1 ผู้ตัดสินที่ 1 ให้สัญญาณการเสิร์ฟเพื่อเริ่มการเล่น23.2.1.2 ผู้ตัดสินที่ 1 และผู้ตัดสินที่ 2 จะเป่านกหวีดให้สัญญาณเสร็จสิ้นการเล่นลูก เมื่อแน่ใจว่ามีการทำผิดกติกาเกิดขึ้นและต้องแสดงลักษณะการกระทำผิดนั้น23.2.2 ผู้ตัดสินที่ 1 และผู้ตัดสินที่ 2 จะเป่านกหวีดเมื่อลูกตายเพื่อแสดงว่าจะอนุญาตหรือปฏิเสธการขอหยุดเล่นของทีม23.2.3 ทีนทีหลังจากการเป่านกหวีดให้สัญญาณเสร็จสิ้นการเล่นลูก ผู้ตัดสินต้องแสดงสัญญาณมือ23.2.3.1 ถ้าผู้ตัดสินที่ 1 เป่านกหวีดระบุการกระทำผิด ผู้ตัดสินที่ 1 จะแสดงก. ทีมที่ทำการเสิร์ฟข. ลักษณะการกระทำผิดค. ผู้กระทำผิด (ถ้าจำเป็น)ผู้ตัดสินที่ 2 จะทำซ้ำตามผู้ตัดสินที่ 123.2.3.2 ถ้าผู้ตัดสินที่ 0 เป่านกหวีดแสดงการกระทำผิด ผู้ตัดสินที่ 2 จะแสดงก. ลักษณะการกระทำผิดข. ผู้กระทำผิด (ถ้าจำเป็น)ค. ทีมที่จะทำการเสิร์ฟตามสัญญาณมือของผู้ตัดสินที่ 1ในกรณีนี้ ผู้ตัดสินที่ 1 จะไม่แสดงลักษณะของการกระทำผิดและผู้กระทำผิด แต่จะแสดงเฉพาะทีมที่จะทำการเสิร์ฟเท่านั้น23.2.3.3 ถ้าทั้ง 2 ทีม กระทำผิดกติกาทั้งคู่ (DOUBLE FAULTS) ผู้ตัดสินทั้ง 2 จะแสดงก. ลักษณะของการกระทำผิดข. ผู้กระทำผิด (ถ้าจำเป็น)ค. ทีมที่ทำการเสิร์ฟ ซึ่งชี้นำโดยผู้ตัดสินที่ 1
กติกาข้อที่ 24. ผู้ตัดสินที่ 1 (FRIST REFEREE)
24.1 ตำแหน่ง (Location) ผู้ตัดสินที่ 1 ทำหน้าที่โดยนั่งหรือยืนบนม้าที่ตั้งไว้ปลายสุดด้านหนึ่งของตาข่าย ระดับสายตาต้องสูงกว่าขอบบนสุดของตาข่ายประมาณ 50 เซนติเมตร (รูปที่ 1 ก, 2 ข, 10)24.2 อำนาจหน้าที่ (AUTHORITY)24.2.1 ต้องควบคุมการแข่งขันตั้งแต่เริ่มต้นสิ้นสุดการแข่งขัน มีอำนาจเหนือเจ้าหน้าที่และผู้ร่วมทีมทั้ง 2 ทีม ระหว่างการแข่งขันการตัดสินใจของผู้ตัดสินที่ 1 ถือเป็นสิ้นสุด มีอำนาจกลับคำตัดสินของเจ้าหน้าที่ทุกคน เมื่อเห็นว่าเจ้าหน้าที่นั้นผิดพลาด มีอำนาจเปลี่ยนตัวเจ้าหน้าที่ ซึ่งเห็นว่าปฏิบัติหน้าที่ไม่เหมาะสมได้24.2.2 ต้องควบคุมการทำงานของผู้กลิ้งบอล ผู้เช็ดพื้น (FLOOR WRERS) และผู้ถูกพื้น (MOPPERS) 24.2.3 มีอำนาจตัดสินใจไม่ว่าเรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขัน รวมถึงเรื่องที่ไม่มีในกติกาด้วย24.2.4 ไม่ยอมให้มีการโต้แย้งใด ๆ ในการตัดสินอย่างไรก็ตาม ถ้าหัวหน้าทีมในสนามขอคำชี้แจง ผู้ตัดสินที่ 1 จะให้คำอธิบายการนำกติกามาใช้หรือตีความกติกา ซึ่งนำมาใช้ในการตัดสินนั้น ถ้าหัวหน้าทีมในสนามไม่เห็นด้วยกับคำอธิบายของผู้ตัดสินที่ 1 และต้องการสงวนสิทธิยื่นหนังสือประท้วงเหตุการณ์นั้นอย่างเป็นทางการ เมื่อเสร็จสิ้นการแข่งขัน หัวหน้าทีมในสนามต้องขอสงวนสิทธิทันที และผู้ตัดสินที่ 1 ต้องยินยอมรับการประท้วงนั้น 24.2.5 รับผิดชอบการตัดสินใจก่อนหรือระหว่างการแข่งขันว่า พื้นที่เล่นลูก อุปกรณ์และสภาพใด ๆ พร้อมทำการแข่งขันได้ 24.3 ความรับผิดชอบ (RESPONSIBILITIES)24.3.1 ก่อนการแข่งขัน ผู้ตัดสินที่ 1 :24.3.1.1 ตรวจสภาพสนามแข่งขัน ลูกบอลและอุปกรณ์อื่น ๆ (บทที่ 1)24.3.1.2 ทำการเสี่ยงร่วมกับหัวหน้าทีมทั้ง 2 24.3.1.3 ควบคุมการอบอุ่นร่างกายของทีม 24.3.2 ระหว่างการแข่งขัน ผู้ตัดสินที่ 1 เท่านั้นที่มีอำนาจ24.3.2.1 ตักเตือนทีม 24.3.2.2 ทำโทษการผิดมารยาทและการถ่วง24.3.2.3 ตัดสินใจเรื่องก. การผิดกติกาของผู้เสิร์ฟ ตำแหน่งของทีที่จะทำการเสิร์ฟ รวมทั้งการกำบังด้วย ข. การผิดกติกาในการเล่นลูก ค. การผิดกติกาเหนือตาข่ายและส่วนที่สูงขึ้นไปของตาข่าย ง. การตบลูกบอลของผู้เล่นแดนหลังหรือตัวรับอิสระ จ. การตบลูกที่ตัวรับอิสระส่งมาให้ด้วยมือบน (SET) ในขณะที่อยู่ในแดนหน้า ฉ.ลูกบอลที่ข้ามแดนใต้ตาข่าย (กติกาข้อ 9.4..5)24.3.3 เมื่อสิ้นสุดการแข่งขัน ต้องตรวจสอบและลงนามในโดยบันทึกการแข่งขัน
กติกาข้อที่ 25. ผู้ตัดสินที่ 2 (SECOND REFEREE)
25.1 ตำแหน่ง (LOCATION)ผู้ตัดสินที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่โดยยินใกล้เสานอกเขตสนามด้านตรงข้ามกับผู้ตัดสินที่ 1 แต่หันหน้าเข้าหากัน25.2 อำนาจ (AUTHORITY)25.2.1 เป็นผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 แต่มีขอบเขตในการตัดสินเป็นของตนเองด้วย ถ้าผู้ตัดสินที่ 1 ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ ผู้ตัดสินที่ 2 จะทำหน้าที่แทน25.2.2 ให้สัญญาณมือแสดงการผิดกติกาที่นอกเหนืออำนาจการตัดสินที่ 2 โดยไม่เป่านกหวีด แต่ต้องไม่เน้นเตือนการกระทำผิดนั้นต่อผู้ตัดสินที่ 1 25.2.3 ควบคุมการทำงานของผู้บันทึกการแข่งขัน 25.2.4 ควบคุมผู้ร่วมทีมที่นั่งบนม้านั่ง และรายงานการผลิตมารยาทของผู้ร่วมทีมเหล่านี้ต่อผู้ตัดสินที่ 1 25.2.5 ควบคุมผู้เล่นในเขตอบอุ่นร่างกาย 25.2.6 อนุญาตให้หยุดการแข่งขัน ควบคุมเวลาและปฏิเสธการขอหยุดการ แข่งขันที่ไม่เหมาะสม 25.2.7 ควบคุมจำนวนครั้งที่แต่ละทีมขอเวลานอกและขอเปลี่ยนตัวและต้องรายงานการขอเวลานอกครั้งที่ 2 และขอเปลี่ยนตัวผู้เล่นที่ครั้งที่ 5 และ 6 ให้ผู้ตัดสินที่ 1 และผู้ฝึกสอนที่เกี่ยวข้องทราบ 25.2.8 กรณีที่ผู้เล่นบาดเจ็บ มีอำนาจให้ทำการเปลี่ยนตัวตามข้อยกเว้น หรืออนุญาตให้ทำการรักษาพยาบาล 3 นาทีก็ได้ 25.2.9 ตรวจสภาพพื้นสนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขตรุกระหว่างการแข่งขันต้องตรวจลูกบอลว่า คงสภาพถูกต้องสมบูรณ์ตามระเบียบการแข่งขันด้วย 25.2.10 ควบคุมผู้ร่วมทีมในพื้นที่ลงโทษ และรายงานการผิดมารยาทให้ผู้ตัดสินที่ 1 ทราบ 25.3 ความรับผิดชอบ (RESPONSIBILITY)25.3.1 ตรวจตำแหน่งที่ถูกต้องของผู้เล่นในสนามให้เป็นไปตามใบส่งตำแหน่งก่อนเริ่มต้นเล่นแต่ละเซต และเมื่อจำเป็นจะตรวจสอบตำแหน่งของผู้เล่นในสนามขณะนั้น ตามใบส่งตำแหน่ง25.3.2 ต้องตัดสินใจ เป่านกหวีดและแสดงสัญญาณมือระหว่างการแข่งขันดังนี้25.3.2.1 การล้ำเข้าไปในแดนของทีมตรงข้ามและที่ว่างให้ตาข่าย 25.3.2.2 ฝ่ายรับลูกเสิร์ฟผิดตำแหน่ง 25.3.2.3 ผู้เล่นถูกตาข่ายและเสาอากาศทางด้านข้างของสนามที่ผู้ตัดสินที่ 2 ยืนอยู่ 25.3.2.4 การสกัดกั้นที่ผิดกติกาของผู้เล่นแดนหลัง หรือการพยายามทำการสกัดกั้นโดยตัวรับอิสระ 25.3.2.5 ลูกบอลถูกสิ่งของนอกสนามหรือถูกพื้นสนามในขณะที่ผู้ตัดสินที่ 1 อยู่ในตำแหน่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ 25.3.3 เมื่อเสร็จสิ้นการแข่งขันต้องลงชื่อในใบบันทึกการ
กติกาข้อที่ 26 ผู้บันทึก (SCORER)
26.1 ตำแหน่ง (LOCATION)ผู้บันทึกจะนั่งทำหน้าที่ ณ โต๊ะบันทึกการแข่งขันที่อยู่คนละดานของสนามกับผู้ตัดสินที่ 1 แต่หันหน้าเข้าหากัน26.2 ความรับผิดชอบ (RESPPONSIBILITIES)บันทึกผลการแข่งขันตามกติกาการแข่งขันและร่วมมือกับผู้ตัดสินที่ 2 ต้องกดกริ่งหรืออุปกรณ์ที่ทำให้เกิดเสียงเป็นสัญญาณแจ้งผู้ตัดสินเมื่อมีเรื่องต้องรับผิดชอบเกิดขึ้น26.2.1 ก่อนเริ่มการแข่งขันแต่ละนัดและแต่ละเซต ผู้บันทึกต้อง26.2.1.1 บันทึกข้อมูลการแข่งขันและของทีมตามขั้นตอนการปฏิบัติงาน และต้องให้หัวหน้าทีมและผู้ฝึกสอนทั้งสองทีมลงนาม26.2.1.2 บันทึกตำแหน่งเริ่มต้นเล่นของแต่ละทีมจากใบส่งตำแหน่ง ถ้าไม่ได้รับใบส่งตำแหน่ง ถ้าไม่ได้รับใบส่งตำแหน่งตามเวลาที่ควรได้รับจะต้องแจ้งให้ผู้ตัดสินที่ 2 ทราบทันที26.2.1.3 บันทึกหมายเลขและชื่อของตัวรับอิสระ26.2.2 ระหว่างการแข่งขัน ผู้บันทึกต้อง22.2.2.1 บันทึกคะแนนที่ได้และต้องแน่ใจว่าป้ายคะแนนแสดงคะแนนที่ถูกต้อง26.2.2.2 ควบคุมลำดับการส่งตำแหน่ง หากมีการผิดตำแหน่งเมื่อใดต้องแจ้งให้ผู้ตัดสินทราบทันทีหลังจากทำการเสิร์ฟแล้ว26.2.2.3 บันทึกการขอเวลานอกและการเปลี่ยนตัวผู้เล่น ควบคุมจำนวนครั้งและแจ้งให้ผู้ตัดสินที่ 2 ทราบ26.2.2.4 ถ้าการขอหยุดการแข่งขันผิดกติกาต้องแจ้งให้ผู้ตัดสินทราบ26.2.2.5 แจ้งการเสร็จสิ้นของแต่ละเซต การเริ่มต้นและการสิ้นสุดของเวลานอกทางเทคนิคแต่ละครั้ง และคะแนนที่ 8 ในเซตตัดสินให้ผู้ตัดสินทราบ26.2.2.6 บันทึกการลงโทษทุกอย่างที่เกิดขึ้น26.2.2.7 บันทึกเหตุการณ์อื่น ๆ ที่ผู้ตัดสินที่ 2 แจ้ง เช่น การเปลี่ยนตัวที่ได้รับการยกเว้น เวลาที่เริ่มการแข่งขันใหม่ การยึดเวลาหยุดการแข่งขัน การมีเหตุขัดขวางจากภายนอก เป็นต้น26.2.3 เมื่อเสร็จสิ้นการแข่งขันแต่ละนัด ผู้บันทึกต้อง26.2.3.1 บันทึกผลสิ้นสุดของการแข่งขัน26.2.3.2 หากมรการประท้วงผู้ตัดสินที่ 1 อนุญาตไว้แล้ว ต้องเขียนหรืออนุญาตให้หัวหน้าทีมแจ้งเหตุของการประท้วงลงในใบบันทึก26.2.3.3 หลังจากลงนามในใบบันทึกแล้ว ต้องให้หัวหน้าทีมและผู้ตัดสินลงนามตามลำดับ
กติกาข้อที่ 27 ผู้กำกับเส้น (LINE JUDGES)
27.1 ตำแหน่ง (LOCATION)ถ้าใช้ผู้กำกับเส้น 2 คน จะยืนเป็นแนวเฉียงใกล้กับทางขวามือของผู้ตัดสิน แต่ละคนห่างจากมุมสนาม 1 - 2 เมตร ผู้กำกับเส้นทั้งสองจะควบคุมทั้งเส้นหลังและเส้นข้างทางด้านของตนเอง สำหรับการแข่งขันระดับโลกของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติและการแข่งขันอย่างเป็นทางการต้องมีผู้กำกับเส้น 4 คน ผู้กำกับเส้นจะยืนในเขตรอบสนามห่างจากมุมสนามแต่ละมุม 1 - 3 เมตร ตามแนวทางสมมติที่ต่อออกไปของเส้นที่แต่ละคนควบคุมอยู่27.2 ความรับผิดชอบ (RESPONAIBILITIES)27.2.1 ผู้กำกับเส้นปฏิบัติหน้าที่โดยใช้ธงขนาด 40 x 40 เซนติเมตร ดังที่แสดงในรูปการให้สัญญาณ27.2.1.1 ให้สัญญาณลูก "ดี" ลูก "ออก" เมื่อลูกบอลตกลงบนพื้นสใกล้เส้นของแต่ละคน27.2.1.2 ให้สัญญาณว่าลูกถูกผู้เล่นของทีมที่เป็นฝ่ายรับแล้วลูกออกสนาม27.2.1.3 ให้สัญญาณเมื่อลูกบอลถูกเสาอากาศหรือลูกบอลทีเสิร์ฟข้ามตาข่ายนอกเขตที่กำหนดให้ข้ามตาข่าย เป็นต้น27.2.1.4 ให้สัญญาณถ้าผู้เล่นเหยียบนอกเขตสนามของตนเองขณะทำการเสิร์ฟ (ยกเว้นผู้เสิร์ฟเท่านั้น)27.2.1.5 ให้สัญญาณเมื่อเท้าของผู้เสิร์ฟผิดกติกา27.2.1.6 ให้สัญญาณเมื่อผู้เล่นถูกเสาอากาศขณะอยู่ในลักษณะเล่นลูกบอลหรือกีดขวางการเล่นลูกด้านสนามแข่งขันที่รับผิดชอบ27.2.1.7 ให้สัญญาณลูกข้ามตาข่ายนอกเขตข้ามตาข่ายไปยังแดนของทีมตรงข้าม หรือถูกเสาอากาศทางด้านสนามแข่งขันที่รับผิดชอบ27.2.2 ถ้าผู้ตัดสินที่ 1 ร้องขอ ผู้กำกับเส้นต้องแสดงสัญญาณซ้ำ
กติกาข้อที่ 28 สัญญาณตามกติกาการแข่งขัน (OFFICIAL SIGNALS)
28.1 สัญญาณมือของผู้ตัดสิน (REFEREES' HAND SIGNALS)ผู้ตัดสินต้องแสดงสัญญาณมือแสดงเหตุผลของการเป่านกหวีด (ที่เป่าเพื่อแสดงการกระทำผิด หรือเพื่อหยุดการแข่งขัน) ต้องแสดงสัญญาณค้างไว้ชั่วขณะหนึ่ง และถ้าแสดงสัญญาณด้วยมือข้างเดียวต้องใช้มือข้างเดียวกับทีมที่ทำผิดกติกาหรือขอหยุดการแข่งขัน28.2 สัญญาณธงของผู้กำกับเส้น (LINE JUDGES' FLAG SIGNALS)ผู้กำกับเส้นต้องแสดงสัญญาณธงตามลักษณะของการทำผิดกติกาที่เกิดขึ้นและต้องค้างไว้ชั่วขณะหนึ่ง สรุปกติกาโดยทั่วไป๑. ถ้าลูกบอลทำให้ตาข่ายฉีกขาดหรือทำให้ตาข่ายหลุด ให้ยกเลิกการเล่นลูกนั้นและให้เริ่มเล่นใหม่๒. ผู้ที่รับลูกเสิร์ฟจากฝ่ายตรงข้าม จะทำการสกัดกั้นหรือตบลูกบอลไม่ได้๓. แต่ละทีมจะขอเวลานอกได้ ๒ ครั้งต่อเซต๔. เมื่อลูกบอลพุ่งไปถูกตาข่ายและเป็นเหตุให้ตาข่ายไปถูกฝ่ายตรงข้ามถือว่าไม่ผิดกติกา๕. ผู้เล่นถูกตาข่าย ในกรณีที่มีการเล่นลูกในแถวหน้า ถือว่าผิดกติกา๖. ผู้เล่นถูกลูกบอลในแดนของฝ่ายตรงข้าม ก่อนหรือระหว่างการเล่นลูกบอลของฝ่ายตรงข้ามถือว่าผิดกติกา๗. การเล่นลูกบอลคนเดียวติดต่อกันสองครั้ง เช่น ตั้งลูกเองแล้วตบลูกบอล ถือว่ผิดกติกา๘. หากฝ่ายรับบล็อกลูกบอลกลับไปถูกศีรษะของผู้ที่ตบลูกบอลมา แล้วลูกบอลเคลื่อนไปถูกเสาอากาศ ลักษณะนี้ถือว่าฝ่ายตบทำลูกบอลออกเพราะลูกบอลถูกเสาอากาศแล้ว๙. ลูกบอลที่ข้ามแนวตาข่ายไปยังเขตรอบสนามของทีมตรงข้ามแล้ว โดยบางส่วนหรือทุกส่วนของลูกบอลอยู่ภายนอกพื้นที่สำหรับข้ามตาข่าย อาจนำกลับมาเล่นได้อีก ถ้าผู้เล่นไม่ถูกด้านเดียวกันสนาม ฝ่ายตรงข้ามจะกีดขวางการเล่นลูกนี้ไม่ได้๑๐. ในเซตตัดสิน ทีมใดทำคะแนนได้ ๘ คะแนน ให้ทำการเปลี่ยนแดนทันที และตำแหน่งของผู้เล่นให้เป็นไปเหมือนเดิม

เทคนิกการเล่นวอลเลย์บอล



5 เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ..เทคนิคการเล่นวอลเล่ย์บอล 1.การถวายพานให้ตัวรุก Dish it upเมื่อใดก็ตามที่ผู้เล่นคนใดคนหนึ่งจะต้องผ่านบอลเพื่อให้เพื่อนทำการรุก สิ่งที่ควรปฏิบัติถ้าเป็นไปได้ก็คือ ใช้การเซ็ตถึงแม้ว่าบอลจะมาด้วยความเร็วหรือต่ำ เราก็ควรพยายามใช้การเซ็ต ผลที่ได้มันคุ้มค่ากับความพยายามเป็นอย่างมาก เพราะการผ่านบอลด้วยการเซ็ตจะมีความแม่นยำมากกว่าการใช้มือล่างทำให้การตบบอล ของเพื่อนร่วมทีมง่ายขึ้น2.การรู้แผนการเล่นเสมอ Don't be Bashful ก่อนสัญญาณการเล่นจะเริ่มในแต่ละลูกผู้เล่นที่เป็นตัวรุก จะต้องมองที่ตัวเซ็ต (Setter) เพื่อดูสัญญา (Signal) แผนการเล่นที่ตัวเซ็ตจะให้ และเมื่อได้รับสัญญาณ จะต้องแสดงการรับรู้ เช่น ผงกศรีษะ เพื่อจะได้เข้าใจได้ถูกต้องตรงกัน ถ้าเราไม่แน่ใจในสัญาณที่ตัวเซ็ตแสดง ผู้เล่นจะต้องตามตัวเซ็ตให้แน่นอนก่อนการเสริฟจะเริ่มขึ้น ดีกว่าปล่อยตามเลย เพราะผลที่เกิดอาจจะผิดพลาดได้ เช่น ตัวเซ็ต เซ็ตบอลไปที่ตำแหน่งหลังแต่ตัวรุก (Spiker) รอทำการรุกอยู่ด้านหน้า3.การกู้วิกฤตด้วยกำปั้น Cract a knuckleสถานการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นบ่อยในการเล่นคือ เมื่อบอลลอยอยู่เหนือตาข่ายและตัวผู้เล่นอยู่ห่างจากบอล วิธีการแก้สถานการณ์ที่ดีวิธีหนึ่ง คือ การใช้กำปั้นเล่นบอลทันที การใชกำปั้นเล่นบอลนั้นไม่มีทางที่กรรมการจะเป่าผิดกฎิกาได้ และการใช้กำปั้นอย่างมีประสิทธิภาพนั้นบริเวณที่ใช้สัมผัสสบอลควรจะเป็นบริเวณสันมือ และการเล่นแบบนี้ยิ่งใช้ได้กับสถานการณ์ที่บอลลอยมาสูงเกินที่ผู้เล่นสามารถเล่นด้วยการเซ็ตได้4.การเป็นสิงโตตะครุบเหยือ Be a Lion not a Pigในการรับ (Defense) ตำแหน่งของบอลที่สามารถรับได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะอยู่ระดับบริเวณปลายเท้าถึงบริเวณข้อเท้าของเรา บอลที่มาในลักษณะที่จะบังคับทิศทางได้ง่าย ในการเตรียมพร้อมรับบอล ผู้เล่น จะต้องยืนด้วยปลายเท้าโดยทิ้งน้ำหนักตัวไปที่เท้านำ เพราะจะทำให้การเคลื่อนที่เข้าไปรับบอลทำได้ง่ายและต้องตื่นตัวเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา5.การกระโดดเหมือนเดินบนอากาศ Sky Walkenการกระโดดทำการรุกหรือการกระโดดตบบอล (Spike) สิ่งที่ต้องคิดอยู่เสมอคือกระโดดให้สูงที่สุดไม่ต้องกลัวว่ากระโดดสูง จะทำให้เชือกผูกรองเท้าพันตาข่าย การฝึกกระโดดที่ได้ผลคือ การกระโดดแตะ แป้นบาสเกตบอล ถ้าเราทำเป็นประจำจะทำให้พัฒนาการกระโดดได้ดี การลงพื้นด้วยเท้าข้างใดข้างหนึ่งต้องลงสู่พื้นด้วยเท้าทั้งสองข้างโดย บริเวณปลายเท้าจะต้องสัมผัสพื้นก่อนส้นเท้า และต้องย่อเข่า ย่อตัว ตามลำดับเพื่อเป็นการถ่ายน้ำหนัก มิฉะนั้นอาจเกิดการบาดเจ็บที่ข้อเท้าหรือ หลังได้

ประวัติวอลเลย์บอล




กีฬาวอลเลย์บอล (Volleyball) ได้เริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2438 โดย William G. Morgan ผู้อำนวยการด้านพลศึกษาแห่งสมาคม Y.M.C.A. ( Young Mans Christian Association) เมืองโฮล์โยค ( Holyoke) มลรัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้เกิดขึ้นเพียง 1 ปี ก่อนการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่ ครั้งที่ 1 ณ กรุงเอเธนส์ โดยเขาได้พยายามคิดและดัดแปลงกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ใช้เป็นกิจกรรมนันทนาการหรือผ่อนคลายความตึงเครียดให้เหมาะสมกับฤดูกาล และเขาก็เกิดความคิดขึ้นในขณะที่ได้ดูเกมเทนนิส เพราะกีฬาเทนนิสเป็นกีฬาที่ต้องใช้อุปกรณ์ เช่น แร็กเกต ลูกบอล ตาข่าย และอุปกรณ์อื่นๆ อีกมาก จึงได้มีแนวคิดที่จะใช้ตาข่ายสูง 6 ฟุต 6 นิ้ว จากพื้นซุงเป็นระดับสูงกว่าความสูงเฉลี่ยของผู้ชาย และได้ใช้ยางในของลูกบาสเกตบอลมาทำเป็นลูกบอล แต่ปรากฏว่ายางในลูกบาสเกตบอลเบาและช้าเกินไป จึงได้ใช้ยางนอกของลูกบาสเกตบอล ซึ่งก็ปรากฏว่าใหญ่และหนาเกินไปไม่เหมาะสม ดังนั้น ในปี พ.ศ. 2449 Morgan ได้ติดต่อบริษัท A.G.Spalding and Brother ให้ทำลูกบอลตัวอย่างขึ้น 1 ลูก โดยมีขนาดเส้นรอบวง 25-27 นิ้ว น้ำหนัก 9-12 ออนซ์ เพื่อนำมาใช้แทนลูกบาสเกตบอล
ในต้นปี พ.ศ. 2439 ได้มีการประชุมสัมมนาผู้นำทางพลศึกษาที่วิทยาลัยสปริงฟิลด์ ในครั้งนั้น Dr. Luther Gulick ผู้อำนวยการโรงเรียนฝึกพลศึกษาอาชีพและกรรมการบริหารด้านพลศึกษาของสมาคม Y.M.C.A. ได้เชิญให้นาย William G. Morgan นำเกมนี้เข้าร่วมในการจัดนิทรรศการที่ New College Gymnasium โดยใช้ผู้เล่นฝ่ายละ 5 คน
นาย Morgan ได้อธิบายว่าเกมใหม่ชนิดนี้เรียกว่า มินโตเนต (Mintonette) เป็นเกมที่ใช้เล่นลูกบอลในโรงยิมเนเชียม แต่อาจจะใช้เล่นในสนามกลางแจ้งก็ได้ ซึ่งผู้สามารถเล่นลูกบอลโดยไม่มีสิ่งกีดขวางเหนือความสูงของตาข่ายจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง การเล่นเป็นการผสมผสานกันระหว่างเกม 2 ประเภทคือ เทนนิส และ แฮนด์บอล
ศาสตราจารย์ Alfred T. Halstead ผู้อำนวยการพลศึกษาแห่งวิทยาลัยสปริงฟิลด์ ซึ่งได้ชมการสาธิตได้ให้ข้อคิดเห็น และลงความเห็นว่า เนื่องจากเกมการเล่นส่วนใหญ่ลูกบอลจะต้องลอยอยู่ตลอดเวลา เมื่อตกลงพื้นก็ถือว่าผิดกฎเกณฑ์การเล่น จึงใช้ชื่อเกมการเล่นนี้ว่า วอลเลย์บอล ซึ่งในที่ประชุมรวมทั้งนาย Morgan ต่างก็ยอมรับชื่อนี้โดยทั่วกัน
ในปี พ.ศ. 2495 คณะกรรมการบริหารสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เสนอให้ใช้ชื่อเป็นคำเดียวคือ Volleyball และนาย Morgan ได้แนะนำวิธีการเล่นให้แก่ Dr.Frank Wook ซึ่งเป็นนักฟิสิกส์ และ John Lynoh หัวหน้าหน่วยดับเพลิง โดยได้ร่วมกันร่างกฎเกณฑ์ในการเล่นขึ้น 10 ข้อ ดังนี้
1.เกม (Game) เกมหนึ่งประกอบด้วย 9 อินนิ่ง (Innings) เมื่อครบ 9 อินนิ่ง ฝ่ายใดได้คะแนนมากว่าเป็นฝ่ายชนะ
2. อินนิ่ง หมายถึง ผู้เล่นของแต่ละชุดได้เสิร์ฟทุกคน
3. สนามเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 25 ฟุต ยาว 50 ฟุต
4. ตาข่ายกว้าง 2 ฟุต ยาว 27 ฟุต สูงจากพื้น 6 ฟุต 6 นิ้ว
5. ลูกบอลมียางในหุ้มด้วยหนังหรือผ้าใบ วัดโดยรอบไม่น้อยกว่า 25 นิ้วและไม่เกิน 27 นิ้ว มีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 9 ปอนด์ และไม่เกิน 12 ปอนด์
6. ผู้เสิร์ฟและการเสิร์ฟ ผู้เสิร์ฟจะต้องยืนด้วยเท้าหนึ่งบนเส้นหลัง และตีลูกบอลด้วยมือข้างเดียว อนุญาตให้ทำการเสิร์ฟได้ 2 ครั้ง เพื่อที่จะส่งลูกบอลไปยังแดนคู่ต่อสู้เช่นเดียวกับเทนนิส การเสิร์ฟจะต้องตีลูกบอลได้อย่างน้อย 10 ฟุต และห้ามเลี้ยงลูกบอล อนุญาตให้ถูกตาข่ายได้ แต่ถ้าลูกบอลถูกผู้เล่นคนอื่นๆ ก่อนถูกตาข่ายและถ้าลูกข้ามตาข่ายไปยังแดนคู่ต่อสู้ถือว่าดี แต่ถ้าลูกออกนอกสนาม จะหมดสิทธ์การเสิร์ฟ ครั้งที่ 2
7. การนับคะแนนลูกเสิร์ฟที่ดีฝ่ายรับจะไม่สามารถโต้ลูกกลับมาได้ให้นับ 1 คะแนนสำหรับฝ่ายเสิร์ฟ ฝ่ายที่จะสามารถทำคะแนนได้คือฝ่ายเสิร์ฟเท่านั้น ถ้าฝ่ายเสิร์ฟทำลูกบอลเสียในแดนของตนเอง ผู้เสิร์ฟจะหมดสิทธิ์ในการเสิร์ฟ
8. ลูกบอลถูกตาข่าย (ลูกเสิร์ฟ) ถ้าเป็นการทำเสียครั้งที่ 1 ให้ขานเป็นลูกตาย
9. ลูกบอลถูกเส้น ให้ถือเป็นลูกออก
10. การเล่นและผู้เล่น การถูกตาข่ายโดยผู้เล่นทำลูกบอลติดตาข่าย หรือ ลูกบอลถูกสิ่งกีดขวาง และกระดอนเข้าสู่สนามถือเป็นลูกดี
ผู้อำนวยการพลศึกษาต่างๆ ของ Y.M.C.A. พยายามส่งเสริมและให้การสนับสนุนกีฬาชนิดนี้โดยนำเข้าไปฝึกในโรงเรียน ซึ่งครูฝึกพลศึกษาของมหาวิทยาลัยสปริงฟิลด์ ในมลรัฐแมสซาชูเซตส์ กับมหาวิทยาลัย George William มลรัฐอิลลินอยส์ ได้เผยแพร่กีฬาชนิดนี้ไปทั่วสหรัฐอเมริกาและแคนาดา โดยมีการทำเป็นแบบแผน เพื่อจะได้นำไปเผยแพร่ต่อไปดังนี้
1. นาย Elwood s. Brown ได้นำกีฬาวอลเลย์บอลไปสู่ประเทศฟิลิปปินส์
2. นาย J. Haward Crocher นำไปเผยแพร่ที่ประเทศจีน
3. นาย Franklin H. Brown นำไปเผยแพร่ที่ประเทศญี่ปุ่น
4. Dr. J.H. Cary นำไปเผยแพร่ที่ประเทศพม่า และอินเดีย
ปี พ.ศ. 2453 นาย Elwood S. Brown เดินทางไปฟิลิปปินส์ ได้ช่วยจัดตั้งสมาคม และริเริ่มการแข่งขันครั้วแรกที่กรุงมะนิลา ในปี พ.ศ. 2456 โดยเรียกการแข่งขันครั้งนี้ว่า Far Eastern Games
ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 Dr.Grorge J. Fischer เลขาธิการปฎิบัติการสงคราม ได้นำเอากีฬาวอลเลย์บอลเข้าไว้เป็นกิจกรรมส่วนหนึ่งในการฝึกทหารในค่าย ทั้งในและนอกประเทศ และได้พิมพ์กฎกติกากีฬาวอลเลย์บอลเพื่อแจกจ่ายไปยังหน่วยต่างๆ ของทหาร ทั้งกองทัพบกและกองทัพเรือ เพื่อให้ทหารได้ใช้เวลาว่างกับกีฬาโดยอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ลูกวอลเลย์บอล และตาข่ายจำนวนหลายหมื่นชิ้นได้ถูกส่งไปยังค่ายทหารที่ประอยู่ตามหน่วยต่างๆ ทั้งในประเทศและกอง ทัพพัธมิตร นับว่า Dr.Grorge J. Fisher เป็นผู้ช่วยเหลือกีฬาวอลเลย์บอลเป็นอย่างมากจน ได้ชื่อว่าบิดาแห่งกีฬาวอลเลย์บอล
ปี พ.ศ. 2465 ได้มีการปรับปรุงกฎกติกาของวอลเลย์บอลใหม่ โดยสมาคม Y.M.C.A. และสมาคมลูกเสือแห่งอเมริกัน N.O.A.A. ได้จัดการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลขึ้นมีรัฐต่างๆ ส่งเข้าแข่งขัน 11 รัฐ มีทีมเข้าแข็งขันทั้งสิ้น 23 ทีม รวมทั้งทีมจากแคนาดา
ปี พ.ศ. 2467 กองทัพบกและกองเรือของสหรัฐอเมริกา ได้ส่งเสริมกีฬาวอลเลย์บอลอย่างจริงจัง จนกระทั่งได้แพร่เข้าไปยังกลุ่มโรงเรียน และสมาคมต่างๆ ซึ่งเรียกกันว่าสมาคมกีฬาและสันทนาการแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งภายหลังได้เปลี่ยนเป็นสันทนาการแห่งชาติ ได้นำเอากีฬาวอลเลย์บอลบรรจุไว้ในกิจกรรมของสมาคม
วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2471 ไดมีการตั้งสมาคมวอลเลย์บอลแห่งสหรัฐอเมริกาขึ้น เรียกว่า The Untied States Volleyball Association มีชื่อย่อ USVBA ที่ Dr. George J. Fischer เป็นประธาน และ Dr. John Brown เป็นเลขาธิการ ได้ตั้งความมุ่งหมายในการบริหารกีฬาวอลเลย์บอลออกเป็นข้อๆ ดังต่อไปนี้
1. จัดการประชุมประจำปีเพื่อจดทะเบียนมาตรฐานของกีฬาวอลเลย์บอลให้ดีขึ้น
2. วางแผนงานพัฒนากีฬา และการจัดการแข่งขัน
3. จัดการแข่งขันชิงชนะเลิศแห่งชาติ
4. พัฒนากติกาในการเล่นให้ดีขึ้น
5. จัดหาสมาชิกให้เพิ่มขึ้น
ปี พ.ศ. 2479 ได้มีการจัดการแข่งขันประจำปีที่นครนิวยอร์ก จากการแข่งขันนี้ทำให้มีความเข้าใจเกี่ยวกับการแข่งขันวอลเลย์บอลดีขึ้น โดยมีสมาชิกเข้าร่วมจำนวนมาก
ปี พ.ศ. 2483 สมาคม USVBA ได้รับสมาชิกเพิ่ม 2 ทีม คือ มหาวิทยาลัยเทเบิล และมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย และได้มีการแข่งขันประเภทประชาชนทั่วไปที่รัฐฟิลาเดลเฟีย
ปี พ.ศ. 2485 มีการแบ่งเขตออกเป็น 12 เขต สมาชิกต่างๆ ได้ขอร้องให้สมาคม Y.M.C.A. หยุดรับสมาชิกเพราะมีสมาชิกมากเกินไป ทำให้บริการได้ไม่ทั่วถึง เอกอัครราชทูตของรัสเซีย ในกรุงวอชิงตัน ได้ส่งเอกสารเกี่ยวกับกฎกติกาของวอลเลย์บอล ซึ่งได้จัดพิมพ์เป็นรูปเล่ม โดยมีนาย Herry E. Willson และ Dr. David T. Gaodon เป็นผู้จัดพิมพ์ขึ้น
วันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2485 นาย William G. Morgan ผู้ริเริ่มกีฬาวอลเลย์บอลได้ถึงแก่กรรม
ปี พ.ศ. 2486 สมาคมสตรีของ AAHPER (America Association of Health,Physical Education and Recreation) โดยมี Dr. John Brown เป็นเลขาธิการและเหรัญญิกของสมาคม ได้นำเอากีฬาวอลเลย์บอลบรรจุเข้าไว้ในกิจกรรมของสมาคมสตรี และดำเนินการแข่งขันภายในกลุ่ม
ระหว่างวันที่ 1-7 พฤษภาคม พ.ศ. 2487 ได้จัดให้มีการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลนานาชาติขึ้น โดยมีทีมที่สนใจเข้าร่วมการแข่งขันจำนวนมาก
ปี พ.ศ. 2489 ได้เริ่มมีการสอนกีฬาวอลเลย์บอล โดยใช้อุปกรณ์การสอน เช่น ภาพยนตร์เกี่ยวกับการเล่นและการแข่งขันซึ่งเป็นฟิล์ม 16 มิลลิเมตร จำนวน 2 ม้วน ในการทำภาพยนตร์ครั้งนี้คิดเป็นเงินประมาณ 7,800 ดอลลาร์ฯ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ได้มีการประชุมเกี่ยวกับการแข่งขันระหว่างชาติ โดยเริ่มที่ชิคาโก ซึ่ง Andrew Stewert เลขาธิการโอลิมปิกแห่ง สหรัฐอเมริกา เพื่อนำกีฬาวอลเลย์บอลจัดแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกต่อไป
ปี พ.ศ. 2490 ได้มีกฎกติกาจัดพิมพ์ใหม่ โดยสมาคม USVBA ซึ่งทางสมาคมได้ส่งนาย FB. De Groot และนาย Royal L. Thomas เป็นตัวแทนเข้าร่วมประชุมที่กรุงปารีส โดยร่วมจัดการแข่งขันระหว่างชาติขึ้น ซึ่งเป็นผลให้เกิดสหพันธ์กีฬาวอลเลย์บอลนานาชาติขึ้นในต้นปีนี้เอง
ปี พ.ศ. 2491 มีการประชุมสมาคม USVBA ที่ South Bend Indiana และปรับปรุงสมาคม USVBA มีการเลือกตั้งคณะกรรมการใหม่ขึ้น โดยสมาคมได้ส่งทีมวอลเลย์บอลชายไปตระเวนแข่งขันในยุโรป
ปี พ.ศ. 2492 หนังสือ Time Game เขียนโดยสมาคม USVBA รายงานการแข่งขันวอลเลย์บอลที่ลอสแอนเจลีส ซึ่งเป็นการแข่งขันระหว่างประเทศ ผู้ที่ชนะเลิศได้แก่ รัสเซีย ที่ 2 ได้แก่ เชโกสโลวาเกีย และในปีนี้เองประเทศผรั่งเศสได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม USVBA ด้วย
ปี พ.ศ. 2493 Dr. Fisheer ข้าราชการบำนาญที่มาร์แชลแอลเวลเตอร์ ได้นัดประชุมผู้นำทางกีฬาวอลเลย์บอล โดยแต่ละประเทศได้เขียนรายงานการประชุมเป็นภาษาสวิส และมีการสาธิตการเล่นกลางแจ้ง และในปีนี้ประเทศอังกฤษได้นำเอากีฬาวอลเลย์บอลไว้ในกิจกรรมของสมาคม Y.M.C.A. ของอังกฤษด้วย
ปี พ.ศ. 2494 นาย Robert J. Lavelca ได้ทำสไลด์เกี่ยวกับทักษะเบื้องต้นในการเล่นกีฬาวอลเลย์บอลขึ้น
ปี พ.ศ. 2495 ได้มีการจัดแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงขึ้นครั้งแรก โดยมีนาย Migaki Nishikawa ประธานสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศญี่ปุ่น โดยจัดให้มีการแข่งขันระหว่างประเทศในแถบตะวันออกไกล และกีฬาวอลเลย์บอลนี้ได้ถูกจัดเข้าแข่งขันในโอลิมปิกครั้งแรกที่เมืองเฮลซิงกิ และมีการแข่งขันวอลเลย์บอลชิงแชมป์โลกครั้งแรกที่เมืองสโคร์ จากนั้นสมาคมวอลเลย์บอลแห่งญี่ปุ่นก็มีการส่งเสริมกีฬาชนิดนี้มาก โดยส่งทีมวอลเลย์บอลของมหาวิทยาลัย Lashita ซึ่งชนะเลิศการแข่งขันของประเทศญี่ปุ่นไปแข่งที่สหรัฐอเมริกา